รีวิว Triumph Speed Triple 1050 ลองขี่เจ้าตั๊กแตนยักษ์ เสียงนุ่มลึก 3สูบ พละกำลังมีตามพิกัดตัว Share this
รีวิวมอเตอร์ไซค์
โหมดการอ่าน

รีวิว Triumph Speed Triple 1050 ลองขี่เจ้าตั๊กแตนยักษ์ เสียงนุ่มลึก 3สูบ พละกำลังมีตามพิกัดตัว

Pon Piantanongkit
โดย Pon Piantanongkit
โพสต์เมื่อ 02 January 2557

พูดถึงรถ 2 ล้อ แบรนด์ Triumph  ซึ่งถือเป็นแบรนด์ดัง ราคาแพง จาก เกาะอังกฤษ    ซึ่ง Britbike เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย     โดยปีหน้า 2014 นี้ ทาง Triumph  จะมีการ Rebranding ครั้งใหญ่  นั่นคือ การเปลี่ยนตราสัญลักษณ์  ที่ปกติ จะใช้เป็นตัวอักษรโดยโยงหางตัวอักษร R ไปยังตัวอักษร H   แต่ปีหน้านี้จะใช้เป็นโลโก้ แทนโดยจะเป็นรูป สามเหลี่ยมคว่ำหัว และมีตัวอักษร T อยู่ด้านใน พร้อมพื้นลายธงชาติสหราชอาณาจักร

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_084

และเมื่อพูดถึงแบรนด์ Triumph   หนึ่งในรถที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์   นั่นคือเจ้า Speed Triple  รถสไตล์ Naked  Bike ที่มากับ  ไฟกลมคู่หน้าอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น   ที่สาวก Bigbike  ต่างรู้จักดี    และเจ้า Speed Triple  นี้ได้เคยแสดงภาพยนตร์ Action สุดระห่ำ อย่าง  MI2 (Mission Impossible 2) นำแสดงโดย Tom Cruise  เมื่อช่วงปี 2000   ณ ตอนนั้น  ยังเป็น Speed ตัวเก่าที่คงเอกลักษณ์ในรูปแบบไฟกลม 2 ดวง      จนมาถึงปี 2011  Speed Triple ในรูปแบบไฟกลม อันโดนดังมากว่า 10 ปี ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบไฟหน้า  กลายเป็นไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบ แปลกๆ  หรือที่ใครหลายคนเรียกมันว่า  หน้าตั๊กแตน   ซึ่งดูแล้ว  ผู้ใหญ่หลายท่าน  อย่างคุณพ่อผม  บอกว่าดูแล้วเหมือนรถประกอบไม่เสร็จ     แต่สำหรับวัยรุ่นหลายคน  กับชื่นชอบ  ดีไซน์ที่ดู กวนโอ๊ย  และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง  ชนิดที่ว่าขี่ไปไหนมาไหน   ผู้คนพบเห็นก็หันมามอง  ว่ามันคือรถอะไร    นอกจากนั้นถ้ามองจากด้านท้ายแล้ว   จะรู้สึกได้ว่า  Speed Triple นี้มันไม่ใช่รถที่ธรรมดาเอาซะเลย  เพราะความดุดันทรงหลัง  จากท่อคู่ออกท้ายขนาดใหญ่   ร่วมกับยางเบอร์โต ขนาด 190 ที่หุ้มล้อ อัลลอยลาย 5 ก้านคู่  ซึ่งเห็นได้ชัดจากการใช้ สวิงอาร์มเดี่ยว   นั่นจึงทำให้การมองจากด้านท้ายของมันนั้น  ดูซะบึ้มทรงพลังมาก ราวกับ  สาวที่มีสะโพกดินระเบิดนั้นเอง     และนั่นเอง  มันจึงเป็นรถที่ผมชอบมากคันหนึ่ง  และอยากมีโอกาสได้ลองขับขี่ มากที่สุดในแบรนด์ Triumph

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_008

เริ่มต้นหลังจากที่ได้รับกุญแจเจ้า  Speed Triple  มาดูเหมือนกุญแจล๊อกเกอร์อย่างไรไม่รู้  แต่ดูอวบอ้วนขนาดใหญ่กว่าเพราะมี Immobilizer    เริ่มบิดกุญแจพร้อมสตาร์ท  ซึ่งสามารถบิดได้ 4 ระดับ ที่ตอนแรกเล่นเอาผมงงไปนิด  คือ บิดสตาร์ท   บิดดับเครื่อง   บิดล๊อคคอ  และล๊อคคอพร้อมไฟหน้าติด     หลังจากบิดกุญแจแล้วไฟมาตรวัด  ก็ติดขึ้น  มีทั้งระบบดิจิตอล  ปน Analog  มันทำให้รู้สึกถึงความ Classic ในยุคเก่า จากมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่เป็นแบบเข็ม  ผสมปนรวมกับความ Modern ในยุคใหม่   จากหน้าจอแสดงผล LCD Multi-Function   ที่มีลูกเล่นมากมาย   สามารถตั้งค่าหน่วยในระบบเมตริก  หรือไมล์ ได้     สามารถเซ็ต Shift Light ได้ ว่าจะให้ไฟโชว์กี่ดวง  และยังสามารถเซ็ตรอบเครื่องยนต์  ให้มีไฟ Shift Light เตือนขึ้นได้    มีนาฬิกาจับ Lap Timer     เซ็ตทริป    บอกอัตราสิ้นเปลือง  รวมระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้    รวมถึงการแจ้งเตือนการนำรถเข้าเช็ค แต่เมื่อหันมามองที่ประกับไฟด้านซ้ายมือ  พบว่ามีไฟ Pass เอาไว้ให้ใช้   แต่กลับไม่มีสวิทช์ไฟฉุกเฉินมาให้

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_085

เมื่อได้ลองคร่อมดู พบว่าความสูงเบาะ  825mm  กับส่วนสูงผมที่ 174cm  เมื่อใส่รองเท้าผ้าใบปกติ นั้นต้องเขย่งเนื่องจากเหยียบไม่เต็มเท้า  แต่หากใส่รองเท้าบูท  จะสามารถเหยียบได้อย่างเต็มเท้า      ถึงแม้มิติรถจะดูใหญ่มาก ทั้งจากถังน้ำมัน  และแชสซีส์ ที่ดูใหญ่โต  แต่น้ำหนัก  กลับไม่หนักเหมือนที่ตาเห็น  เพราะการได้เฟรม, สวิงอาร์ม และล้อที่ทำจาก อลูมีเนียมทำให้น้ำหนักตัว  อยู่เพียงแค่ 214 กก. เท่านั้น     แต่กับท่าทางในการขับขี่  ด้วยแฮนด์บาร์ที่ดูกว้างและต่ำ  พร้อมกับถังน้ำมันขนาดใหญ่  ทำให้ท่าทางการขี่ของคนที่ตัวไม่ใหญ่มาก เช่นตัวผมเอง   ที่ดูจะไม่ค่อยสบายนัก   เมื่อขี่ที่ความเร็วสูงต้องก้มหนีลม  ด้วยการยื่นศรีษะออกมาให้กระชับกับด้านหน้าของถังน้ำมัน   พร้อมกับการวางแขนให้แนบชิดตัวถัง ซึ่งยังดีที่ด้านข้างตัวถังมีร่องให้วางแขนแนบชิดเข้ามาได้

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_028

หลังจากที่ได้อยู่กับมันมา 3 วัน  มีจุดที่ทำให้ผมรำคาญบ้างเล็กน้อย  อย่างแรกคือกระจก  ที่ก้านมันช่างดูยื่นออกมาเกะกะแขนเสียจริง   เวลาที่เข็นรถ  เพราะดูขนาดกระจกจะเกินเลยความกว้างช่วงแฮนด์บาร์ออกมาอยู่หน่อย   กับ  ไฟ Shift Light ที่สวยจริง   แต่พอขี่ตอนกลางคืน  มันกลับสว่างจ้า   ยิ่งลากรอบไปถึงจุดที่ไฟกระพริบเตือนด้วยแล้ว  เล่นเอา มองไม่เห็นทางข้างหน้ากันเลย  เพราะรบกวนสายตา ในการขับขี่กลางคืนมาก  จนต้องปิดระบบนี้ทิ้ง

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_093

ขุมพลังของ Triumph  Speed Triple นี้ ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง  12 วาล์ว  1050cc  ระบายความร้อนด้วยน้ำ    มีกำลังเต็มให้พร้อมเหนี่ยว ถึง   135 แรงม้า @ 9400rpm  และแรงบิด 111Nm @ 7750rpm

การเริ่มต้นขับขี่  กำคลัชปุป  รู้สึกหนักเอาเรื่องเลย    เตะเกียร์ลง  รู้สึกได้ว่าคันเกียร์ไม่แข็ง  การเข้าเกียร์ทำได้ง่าย  และมีระยะฟรีก่อนที่เกียร์จะเข้าล๊อค   ในการหาเกียร์ว่าง  ก็ทำได้ไม่ยากเย็น    หลังจากปล่อยคลัชเพียง นิดเดียว รถก็พร้อมพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ   สามารถออกตัว แบบกระโจนได้  ไม่แพ้รถ 2 สูบ   Torque มีมาให้ใช้แบบ หนักๆ  ตั้งแต่ทันทีที่เปิดคันเร่ง   พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ หวานหูในสไตล์รถ 3 สูบ  ที่เป็นเอกลักษณ์   จะไม่ดุดันเหมือน 2 สูบ แต่ก็ไม่ทุ้มนุ่มแบบ 4 สูบ    เมื่อขับลากรอบไปเรื่อยๆ  ไฟ Shift Light จะเริ่มแจ้งเตือน ทีละเม็ด เมื่อถึงรอบที่กำหนด และจะกระพริบ  เมื่อถึงรอบสูงที่ควรจะเปลี่ยนได้แล้ว    เมื่อลากไปถึงช่วง 6,000rpm +  รู้สึกถึงแรงดึงที่พร้อมจะฉุดให้ปลิวออกจากตัวรถ       เจ้าตั๊กแตน 3 สูบนี่มีแรงบิดที่มีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต้น   ทำให้มันกระโชกโฮกฮาก  ไม่แพ้เครื่องยนต์ 2 สูบ   แต่เมื่อย่านความเร็วกลาง  ขึ้นไป กำลังก็จะมาให้แบบยาวๆ  สม่ำเสมอ  และหวิวๆ  ในแบบเครื่องยนต์ 4       การเร่งแซงที่ความเร็ว ระดับ 80 กม./ชม. ขึ้นไป เพียงแค่ เกียร์ 6 ก็สามารถแซงได้อย่างไม่ยากลำบาก เพียงแค่เปิดคันเร่งออกไป   รถก็จะทะยานผ่านทุกสิ่ง รอบตัวคุณได้อย่างสบาย  และหรือหากลดลงมาเกียร์ 5 และเปิดคันเร่งจนสุด  เพียงชั่วอึดใจเดียว  ความเร็วก็ไปแตะอยู่ที่ระดับ 130 กม./ชม. + ได้อย่ารวดเร็ว   เรียกได้ว่าพละกำลังมาให้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ต้น จน ปลาย     แต่อาจต้องทำใจกับอัตราสิ้นเปลืองที่ ซดเก่งตามเคลม     โดยในตัวเมืองอยู่ที่ 14.5 กม./ลิตร    ถ้าวิ่งที่ความเร็ว 90 กม./ชม.  กินอยู่ 21.28 กม./ลิตร      และวิ่งที่ความเร็ว 120 กม./ชม.  ซด 18.7 กม./ลิตร

สำหรับตัวเลขที่เราได้  วิ่งในตัวเมือง  หน้าจอแสดงผลกินอยู่ที่  13 กม./ลิตร   และวิ่งรอบนอกตัวเมือง  จะได้อยู่ที่ 15 กม./ลิตร

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_115

ด้านระบบช่วงล่าง   ใช้โช้คอัพคู่หน้าแบบ Upside Down จาก Showa  แกนโช้คขนาด 43mm   ปรับ Rebound Compression ได้    ด้านหลังใช้โช้คอัพเดี่ยวหลัง Monoshock  จาก Showa  ปรับ Rebound Compression ได้เช่นกัน   (Speed Triple R จะได้โช้ค Ohlins หน้า-หลัง)    และ สวิงอาร์มหลังเดี่ยว แบบ อลูมีเนียม    ในส่วนของล้อใช้วัสดุอลูมีเนียมอัลลอย  ลาย 5 ก้านคู่  Multi-spoke  (Speed Triple R จะใช้ล้อ ฟอร์จ อลูมีนัม)  สวมด้วยยาง Metzeler   ขนาด 120/190   หน้า/หลัง   ให้การเข้าโค้งที่แน่น  และมั่นใจได้ดี   แต่อาจจะรู้สึกแข็งไปบ้าง จากยางขนาด 190 ที่ดูจะไม่ค่อยซับแรงมากนัก   และเนื้อยางที่ดูค่อนข้างจะแข็งไปสักนิด

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_106

ระบบเบรก   ด้านหน้าใช้จาน ดิสก์คู่ ขนาด 320mm   พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Radial   จาก  Brembo 4 ลูกสูบ  พร้อมระบบ ABS  (สำหรับ Speed Triple R จะได้คาลิปเปอร์แบบ Monobloc)   ด้านหลังใช้จานดิสก์เดี่ยว ขนาด 255mm  คาลิปเปอร์เบรก จาก Nissin 2 ลูกสูบ      ในการกะระยะเบรก  ถือว่าเบรกอยู่ดี ในระดับหนึ่ง แต่หากขับมาด้วยความเร็ว   การกำเบรกอย่างเดียว อาจคงไม่พอ  ต้องใช้ E-Brake เข้าช่วย  เนื่องจากไซส์ตัวรถที่ขนาดค่อนข้างใหญ่  จึงทำให้มีแรงฉุดหน่วงให้รถยังเคลื่อนที่ อยู่พอสมควร

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_089

สรุป  Triumph Speed Triple 1050  เจ้าตั๊กแตนยักษ์   ที่มากับค่าตัว  8.7 แสนบาท     ถือว่า  ราคามาตามเนื้อแบรนด์   นั่นคือ  การที่เป็นรถในพิกัด 1,000cc  ของแบรนด์ดังจากเกาะอังกฤษ  อย่าง Triumph  นี่เอง  จึงทำให้มันมีราคาค่าตัวโดดสูงไปสักหน่อย  เมื่อเทียบกับรถพิกัด 1,000cc  ของฝั่งยุ่น    ที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบเทคโนโลยีใดมากมาย  ให้ใช้   แต่มันก็คงไว้ซึ่งความดิบ  ดุดัน  และรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Speed Triple ที่สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ตัวไฟกลม   และอีกอย่างข้อดีก็คือ   ไม่ต้องมานั่งจุกจิกมีปัญหา กับระบบไฟที่ซับซ้อน  ให้รำคาญใจ    อีกด้วย       สำหรับผู้ที่มีใจรักในแบรนด์ Triumph   กับเจ้า Naked  ตัวแรงคันนี้   คงไม่มีปัญหากับค่าตัวของมัน  ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นรถในแบรนด์ ระดับ Premium อยู่   เพราะเมื่อคุณขี่ไปที่ไหน  คุณยังมั่นใจได้ว่า  มีแต่คนมองด้วยรูปลักษณ์และรูปทรงอย่างแน่นอน

มาว่ากันตามจริง Triumph ก็เป็นรถที่ประกอบไทย  แต่เน้นเพื่อการส่งออก จึงติด BOI ทำให้ราคานั้นโดดเป็นราคารถนำเข้า    จึงอาจทำให้ ราคาดูไม่ค่อยน่าเล่นเป็นที่นิยมนัก  แบรนด์ Triumph จึงเป็นเฉพาะกลุ่มที่เล่นจริงๆ   แต่ในอนาคตอันใกล้นี้  เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาของแบรนด์ Triumph  จากการเปิด Free Zone  ซึ่งอาจส่งผลให้ คนไทยอาจมีโอกาสได้ใช้ของดี  แบรนด์ดี  ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น

ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก

ขอขอบคุณ Britbike  ผู้แทนจำหน่าย Triumph อย่างเป็นทางการในประเทศไทย   สำหรับรถทดสอบ Triumph Speed Triple สีดำ Phantom Black คันนี้

ภณ เพียรทนงกิจ  Test Driver

Triumph-Speed-Triple-R-Test-Ride_057


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ