ไปลองบีเอ็มดับเบิลยู แซด4 หล่อ...เอาเรื่อง!!!

เชื่อว่าบรรดาแฟนคลับของค่ายใบพัดฟ้า-ขาวอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ต้องอยากลองนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเจ้าสปอร์ตเปิดประทุนอย่างบีเอ็มดับเบิลยู แซด4 คันนี้กับเขาสักรอบ

แต่อาจจะติดด้วยรูปลักษณ์ของรถที่ดูสปอร์ตไปมาก แถมสามารถบรรจุผู้โดยสารได้แค่ 2 คน และสนนราคาที่พุ่งขึ้นไปถึง 3.999 ล้านบาท ก็ทำให้เกิดอาการลังเลและเปลี่ยนใจไปหารถรุ่นอื่น ๆ ที่อาจจะเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าแซด4 คือรถสปอร์ตเปิดประทุนที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดดเด่นเมื่ออยู่บนท้องถนนและมีสมรรถนะที่สมกับเป็นรถสปอร์ตจริง ๆ แถมการอยู่หลังพวงมาลัยของรถคันนี้จะทำให้คุณลืมเรื่องอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ไปเลย เหลือแต่ความสนุกสนานในการกดคันเร่งและควบคุมรถเท่านั้น

รูปร่างหน้าตาของโรดสเตอร์คันนี้โดดเด่นอยู่แล้วในทุกมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้ารูปไตขนาดใหญ่ที่ปรับองศามาทำให้รถดูสปอร์ตมากขึ้น รับกับไฟหน้าทรงสปอร์ตที่มาพร้อมเดย์ไลท์ ฝากระโปรงที่เน้นเส้นสายกล้ามมัดที่ชัดเจนต่อเนื่องขึ้นมาจากกระจังหน้า ทำให้รถดูดุขึ้นและปราดเปรียวแม้จะจอดอยู่เฉย ๆ

ตัวถังด้านข้างออกแบบต่อเนื่องจากโคมไฟหน้า และเน้นความบึกบึนของรถด้วยเส้นตัวถังอย่างหนาที่ตัวถังด้านบน และเป็นจุดดึงดูดสายตาเมื่อมองตัวรถจากด้านข้าง การลากเส้นขอบออกไปจรดที่โคมไฟท้ายที่ออกแบบมาอย่างละเมียดละไม ส่งผลให้รถคันนี้เป็นรถที่ดูดีและดูได้ไม่เบื่อ ไม่ว่าจะจอดอยู่เฉย ๆ หรือออกวิ่งบนท้องถนน

ตัวรถที่ออกแบบมาให้ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างยื่นออกไปมากกว่าปกติ และมีขนาดตัวถังด้านหลังและฝากระโปรงที่ค่อนข้างสั้น ช่วยปลุกอารมณ์สปอร์ตได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย ความสูงของตัวรถช่วยให้สามารถรับรู้ถึงอาการของรถได้ดีมากขึ้น แม้หลังคาที่ต่ำจะทำให้เข้า-ออกจากรถแบบทุลักทุเลไปหน่อยก็ตาม

หลังคาแข็งแบบพับได้ของแซด4 นั้นทำงานอย่างรวดเร็วด้วยปุ่มควบคุมจากภายใน แต่ไปเน้นการดูแลการเปิด-ปิดจากฝากระโปรงท้ายที่มีระบบป้องกันต่าง ๆ มากมาย เมื่อปิดมันก็จะได้รถคูเป้คันเก่งที่ออกแบบอย่างลงตัว แต่หากเปิดประทุนออกมาเมื่อไหร่ ก็จะได้รถสปอร์ตที่ให้ความโดดเด่นและแตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน แถมยังสามารถเปิด-ปิดได้ขณะที่รถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม.

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ที่มาพร้อมปริมาตรกระบอกสูบ 1,997 ลิตรนั้น ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุดที่ 270 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,250-4,500 รอบต่อนาที ตามสเปกที่เขียนไว้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 232 กม./ชม. โดยวิ่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาแค่ 6.9 วินาทีเท่านั้น

นอกเหนือจากสมรรถนะที่เร้าใจแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูยังบอกว่านี่คือเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ทำร้ายโลกของเราจนเกินไปนัก เพราะปล่อยไอเสียในระดับ 159 ก./กม.เท่านั้น และให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยสูงถึง 14.71 กม./ลิตร โดยแม้ตัวรถจะออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์เต็มที่ แต่ก็จัดสรรพื้นที่สำหรับถังน้ำมันถึง 55 ลิตร

การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด พร้อมแพดเดิลชิฟท์ที่คอพวงมาลัย ออกแบบมาอย่างสวยงามและลงตัวที่สุดคันหนึ่งในรถยนต์ที่มีระบบนี้ โดยการเปลี่ยนเกียร์สามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้งปล่อยให้เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด การเปลี่ยนที่แป้นเกียร์หรือแม้แต่เล่นกับแพดเดิลชิฟท์อย่างสนุกสนาน

การออกแบบห้องโดยสารภายในมีกลิ่นอายของยุคเรโทรสักเล็กน้อยด้วยรูปแบบการออกแบบปุ่มกดและแป้นต่าง ๆ ที่ช่วยดึงบรรยากาศของรถกลับมาสู่พื้นโลกมากกว่าที่จะเป็นยานอวกาศบนท้องฟ้า แต่ก็อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและความคุ้มค่าแบบเต็มพิกัดในรถคันนี้ และเป็นรถที่ออกแบบห้องโดยสารบนพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว

อย่างที่รู้กันดีว่าห้องโดยสารของรถยนต์กลุ่มนี้จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่นัก แถมยังเป็นปัญหาในการออกแบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่รองรับการใช้งานอย่างลงตัว แซด4 เองก็ไม่พ้นไปจากนี้ได้ แต่ก็ต้องนับถือทีมออกแบบที่พยายามใส่ทุกอย่างเท่าที่จำเป็นลงไปในรถคันจิ๋วนี้ได้ และยังใช้งานได้อย่างลงตัวโดยไม่ต้องละสมาธิไปจากการขับขี่มากนัก

ระบบไอ-ไดร์ฟยังติดตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกับรถที่เป็นรถพวงมาลัยซ้าย แน่นอนว่าพอกลายเป็นรถพวงมาลัยขวาที่ขายในบ้านเราก็ทำให้แป้นไอ-ไดร์ฟถูกวางเข้ามาชิดตัวผู้ขับมากขึ้น การออกแบบอื่น ๆ ลงตัวด้วยจอควบคุมตรงกลางแผงคอนโซล ต่อมาด้วยช่องแอร์ขนาดใหญ่และแผงควบคุมระบบปรับอากาศ ต่อด้วยระบบเครื่องเสียงและช่องซีดี แป้นเกียร์ที่ไล่ลงมาจนชนไอ-ไดร์ฟ

จริง ๆ แล้วผมสรุปกับเพื่อนฝูงที่ถามไถ่กันเข้ามาถึงรถคันนี้ไปตั้งแต่ได้นำออกมาบนท้องถนนแล้วว่าถ้าเป้าหมายในการใช้งานรถของคุณคืออยากได้รถที่โดดเด่น สะดุดตา ขับไปไหนมาไหนก็หล่อ โดยที่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของค่าตัวและค่าใช้จ่ายที่จะตามมา แซด4 คือรถที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่าที่จะควักกระเป๋าจับจองเป็นเจ้าของ

โอเค แต่ถ้าความหล่อไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้คุณซื้อรถ คำแนะนำต่อไปก็คือเจ้ารถคันนี้คือโรดสเตอร์ที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นจากเครื่องยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทวินพาวเวอร์เทอร์โบตัวนี้นั้น ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมตั้งแต่จุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็วต่ำ กลางและสูง แถมเมื่ออยู่บนโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ยิ่งทำให้สามารถเรียกพละกำลังออกมาได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

การทำความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปที่ระดับที่เหนือกว่าที่กฎหมายในประเทศไทยกำหนดไว้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และหากต้องการเบรกกระทันหัน ระบบเบรกที่ให้มาก็เพียงพอที่จะทำให้รถหยุดกึกได้ในระยะทางที่ค่อนข้างสั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องการขับขี่อย่างแน่นอน

ช่วงล่างเซตอัพมาแบบไม่โหดมากนัก สามารถใช้งานบนท้องถนนในชีวิตประจำวันได้เลย จริง ๆ กลับอยากให้บีเอ็มดับเบิลยูเซตอัพออกมาให้หนึบแข็งกว่านี้อีกสักเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ เสียงยางบดถนนลอดเข้ามาเล็กน้อย แต่ก็โดนเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างเพราะพริ้งกลบไปเสียหมด ซึ่งเสียงเครื่องยนต์ที่แทรกเข้ามาช่วยปลุกอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่อยู่พอสมควร

การเก็บเสียงลมด้านหน้าทำได้อย่างดี ทำให้โดยรวม ๆ แล้วเรื่องเสียงที่เข้ามาในห้องโดยสารนั้นไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด แถมเครื่องเสียงที่เซตอัพมาอย่างดีก็ช่วยกันกลบเสียงเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองนั้น ต้องบอกก่อนว่าการนำมาทดสอบเกือบทั้งหมดนั้นเป็นการทดสอบในเมืองเป็นหลัก แถมเน้นการขับขี่แบบเน้นการใช้งานจริงไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่การประหยัด ทำให้อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยที่ทำได้อยู่ที่ระดับ 8-9 กม./ลิตร ซึ่งถ้าถามก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายเลยสำหรับสมรรถนะที่ได้แลกกลับมา

โดยสรุปอีกรอบ หากความหล่อคือสิ่งที่คุณอยากได้จากรถคันนี้ ก็กรุณาควัก 3.999 ล้านบาทไปจับจองเป็นเจ้าของเสีย แต่หากมองเรื่องการใช้งานเป็นหลัก และไม่จำเป็นต้องบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า 2 คน รถคันนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมหาเศรษฐีในการจับจองเป็นเจ้าของสักคันอยู่ดี

เพราะเอาจริง ๆ รถคันนี้คงยากที่จะเป็นรถคันแรกของใครที่จะใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วล่ะ!!!