มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในเดือนม.ค.ยังเติบโต 8.18% เป็นผลจากค่าเงินบาทอ่อนตัว สวนทางการผลิต-ยอดจำหน่ายในประเทศที่ลดลง ส่งผลให้การนำเข้าชิ้นส่วนหดตัวเกือบ 30%
รายงานข่าวจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ระบุว่าในเดือนม.ค. 2557 ที่ผ่านมา แม้ว่ายอดการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยจะหดตัว แต่ยอดการส่ีงออกชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยยังเติบโตได้ดี โดยมีมูลค่าการส่งออก 1,263.30 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 8.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่การนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการประกอบรถยนต์นั้น ก็หดตัวลงไปตามการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ โดยในเดือนแรกของปีนี้มีปริมาณการนำเข้า 1,258.89 ล้านบาท ลดลงไป 29.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในช่วงดังกล่าว
อัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผยว่าการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้การส่งออกยังเดินหน้าได้อยู่ แม้ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวลงไปก็ตาม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันได้สร้างความลำบากให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยไม่น้อย จากผลกระทบด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การปรับขึ้นค่าแรงและราคาวัตถุดิบ การย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนชาวญี่ปุน รวมไปถึงผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
"ทางสมาคมฯ ได้พูดคุยกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทรไปแล้วว่า ไทยมีพื้นฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์มาก ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเป็นปัญหาระยะสั้น และที่ผ่านมา เราก็เคยผ่านปัญหาทางด้านการเมืองหรือแม้แต่อุทกภัยมาแล้ว ซึ่งเขาก็เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในไทยมากขึ้น"
ทั้งนี้ อัชณาคาดว่าปัญหาการเมืองจะเริ่มคลี่คลายสู้ภาวะปกติในไตรมาส 2 ของปีนี้ และเชือว่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่การส่งออกน่าจะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ตามยอดการผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะทำได้ 2.5 ล้านคันอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น