Mazda3 รถยนต์ C-Segment ที่มากับตัวถังให้เลือก 2 รูปแบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู ได้ถูกเปิดตัวทำตลาดเจนเนอเรชั่นแรก เมื่อราว 10 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ Mazda3 Skyactiv ใหม่ นี้ ถือเป็น Mazda3 เจนเนอเรชั่นที่ 3 และ ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ที่ใช้ เทคโนโลยี Skyactiv ทั้งคัน
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงเดือน มีค. ที่ผ่านมานั้น Mazda3 Skyactiv สร้างปรากฏการณ์ให้แก่ Mazda ประเทศไทย ในด้านของยอดขายรถยนต์ และเทคโนโลยีใหม่หมดทั้งคันมากับราคาเปิดตัวที่ดึงดูด และดูคุ้มค่าไม่น้อย
ในวันนี้เรา ได้มีโอกาสทำรีวิว มาให้ชมกันอีกครั้งกับ รีวิวรถ Mazda3 Skyactiv ซึ่งถูกจัดให้ติด 1 ใน 3 รุ่นรถเจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกปีนี้ WORLD CAR OF THE YEAR 2014 และ WORLD CAR DESIGN OF THE YEAR 2014 ซึ่งติดอันดับ ถึง 2 รางวัลด้วยกัน จะยอดเยี่ยมสมราคาแค่ไหน ติดตามชมกันได้เลย
ภายนอก Mazda3 ใหม่ ออกแบบตาม Kodo Design ทั้งกระจังหน้าทรง 5 เหลี่ยมดูเป็นเอกลักษณ์ ตามสไตล์ Mazda เจนเนอเรชั่น 6 ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ไบ-ซีนอน (ในรุ่นท๊อป) พร้อมไฟ DRL ในตัว โดยมีระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวถูกย้ายลงไปอยู่ภายในกรอบไฟตัดหมอกล่าง ขณะที่ไฟหลังเป็นแบบ LED ท่อไอเสียคู่ อยู่ใต้ไฟตัดหมอก ดูปลายจะเล็กและดูหดไปหน่อย นอกจากนั้นยังมีระบบเปิดใบปัดน้ำฝนอัตโนมัติอีกด้วย ในรุ่น 5 ประตู SP Sport คันนี้ จะมีสปอยเลอร์ท้ายติดตั้งให้ด้วย รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 18” สวมยาง 215/45/18
ภายใน หลังจากที่เปิดประตูด้วยระบบ Keyless เข้ามาภายใน Mazda3 SP Sports ตัวนี้ใช้วัสดุภายใน สีครีม ขลิบดำ ดูสวยงามโดดเด่นกว่ารุ่นที่ภายในสีดำ แต่อาจต้องแลกกับเบาะจะเลอะได้ง่าย ระบบแอร์อัตโนมัติ
หน้าจอสัมผัสขนาด 7” แสดงผลข้อมูลอัจฉริยะ มาพร้อมระบบเชื่อมต่อ MZD ที่ให้คุณติดต่อกับโลกออนไลน์ ได้ด้วยการหมุนปุ่ม Center Command ซึ่งถ่ายทอดพลังเสียงผ่านลำโพง 6 ตัว และมาพร้อม Navigation ดูง่ายแบบ 3D แต่การคีย์ เพื่อหาจุดหมาย ยังคงดูขั้นตอนซับซ้อน ไปหน่อย
หน้าปัด มาตรวัดรอบเป็นแบบอนาล๊อก โดยมาตรวัดความเร็วจะเป็นตัวเลขดิจิตัล และในรุ่นท๊อปนี้ จะหน้าจอ HUD พับขึ้นทันทีที่สตาร์ทรถช่วยบอกความเร็วให้โดยไม่ต้องละสายตาลง
ด้านออปชั่นพื้นฐานความสะดวกสบาย มีมาครบครัน เว้นแต่ ไม่มีสวิทช์ Cruise Control ทางฝั่งขวาของพวงมาลัย ด้านเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 แม้พื้นที่ Leg Room จะยังคงความแคบในสไตล์รถ Mazda3 ก็ตาม
สำหรับภายในห้องโดยสารนี้ จากการที่ได้ลองขับนั้น เรื่องการเก็บเสียงยังดูไม่ดีนัก เพราะวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ก็เริ่มมีเสียงลมดังเข้ามาที่บริเวณเสา A ซึ่งดังกว่าเสียงเครื่องยนต์ และยางจากพื้นด้านล่าง
ขุมพลังเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ถูกยกจาก Mazda CX-5 มาวางลงในห้องเครื่องของ Mazda3 Skyactiv ใหม่นี้ ปรับจูนให้รองรับน้ำมัน E85 ยังคงมอบกำลังสูงสุดที่ 165 แรงม้า@6,000rpm และให้แรงบิดสูงสุด 210 Nm@4,000rpm แรงว่าเครื่อง 2.0 เดิม แถมประหยัดขึ้นอีก 20%
แม้ทุกอย่างจะเหมือนกับ CX-5 2.0 แต่ทว่า การขับขี่นันอรรถรสต่างกันราวฟ้ากับดิน การขับขี่ในตัวเมือง ที่ใช้อัตราเร่งช่วงต้น ถือว่า แรงดีใช้ได้ การเร่งแซงรถในช่วงความเร็วต่ำ จนถึงช่วงความเร็วปานกลางยังทำได้ดีหายห่วง เมื่อรอบเครื่องมาในช่วง 3,000rpm ขึ้นไปแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงความเร็วค่อนข้างสูง ระดับ 140 กม./ชม. ขึ้นไป หรือช่วงประมาณ เกียร์ 5 ไปแล้ว จะพบว่าอัตราเร่ง นั้นลดความหวือหวา แผ่วลงไปมาก ซึ่งมีอาการคล้ายกับ Mazda CX-5 2.0 ที่ปลายไม่ค่อยมี
ลองมาดูอัตราเร่งจาก OBD Bluetooth ที่เราทดสอบ
0-100 กม./ชม. = 10.543 วินาที ¼ ไมล์ = 17.953 วินาที เปิด TCS
0-100 กม./ชม. = 10.22 วินาที ¼ ไมล์ = 17.232 วินาที ปิด TCS
แต่เมื่อดูจากตัวเลขแล้ว ยังไม่ทะลุลงเลข 9 เหมือนอย่าง Focus 2.0 Ti-VCT GDi แต่ก็น่าคิดถ้าในจังหวะที่เราปิด TCS วิ่ง และล้อไม่มีการฟรีทิ้ง ตัวเลขอาจมีสิทธิ์ทะลุลงมาที่ 9 ปลายๆ ซึ่งจะว่าไปตามจริง ในรถตระกูล C-Segment นี้ ก็ยังไม่มีใครกิน Focus 2.0 ลงได้ เนื่องจาก Focus 2.0 ได้เปรียบจากแรงม้าที่มีมากกว่าเพื่อน และเกียร์แบบ Dual-Clutch
ด้านอัตราสิ้นเปลือง อยู่ที่ ราว 13 กม./ลิตร จากการใช้งานจริง ทั้งเดินทางไกล ปนการขับในตัวเมือง และน่าเสียดายที่ Mazda3 ใหม่ แม้ในรุ่นท๊อป จะไม่มีระบบ Idling Stop ให้อย่างใน Mazda CX-5
เกียร์ Skyactiv Drive คือ เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 Speed แบบ Torque Converter ซึ่งมาพร้อมโหมด Manual โหมด Activematic เลือกสับเกียร์ได้จาก Paddle Shift หรือ โยกที่คันเกียร์ เกียร์ลูกนี้ ได้นำข้อดีของเกียร์ในแต่ละรูปแบบ มาผนวกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะความราบลื่นในการเปลียนเกียร์ การประหยัดน้ำมันในการขับขี่ การตอบสนองที่ดีเยียมแม่นยำ และการออกตัวได้ดีบนทางชัน Skyactiv Drive เป็นเกียร์แบบ Multiplate Clutch จึงช่วยลดการลื่นจังหวะเปลี่ยนเกียร์
เกียร์ลูกนี้ ได้ถูกยกมาจาก Mazda CX-5 2.0 โดยมีอัตราทดเกียร์เท่ากันทุกเกียร์ เว้นแต่อัตราทดเฟืองท้าย ลดมาอยู่ที่ 3.812 ซึ่งนี่อาจจะเป็นจุดหนึ่งที่แตกต่างกัน ของ Mazda3 ที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า และอาจเน้นการบรรทุกโดยสาร หรือสิ่งของที่มากเท่า CX-5 จากที่กล่าวไปข้างต้น อัตราเร่ง Mazda3 ดีกว่า CX-5 2.0 แบบหนังคนละม้วน แต่ในด้านตีนปลาย กับแผ่วดูไม่ค่อยมีคล้ายๆ กัน
โดยรวมบุคลิกของเกียร์ Skyactiv Drive ยังคงให้ฟีลลิ่ง เช่นเดียวกับ Mazda CX-5 คือ การเปลี่ยนเกียร์ที่ต่อเนื่องไหลลื่น นิ่มนวลแม่นยำ และไม่มีอาการกระตุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์
หากลดเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว ทีละหลายเกียร์ (ในโหมด D สามารถกดที่แป้น Paddle Shift เพื่อลดเกียร์ได้เลย และหากต้องการกลับสู่โหมด D ก็เพียงแต่ ที่แป้น + ค้างไว้ 2 วินาที) ระบบจะส่งเสียงพร้อมป้องกันไม่ให้ลดเกียร์ลงมากเกินไป เพื่อป้องกันรอบที่สูงเกินจนอาจทำให้เกียร์เสียหาย และเช่นเดียวกันหากลากรอบจนชนขีด Redline รอบก็จะตื้อค้างอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะสับเกียร์เอง
สำหรับความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ ได้ลองวัด 3 ค่า ดังนี้
80 กม./ชม. = 1,400rpm 100 กม./ชม. = 1,900rpm 120 กม./ชม. = 2,500rpm
พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า (EPAS) พวงมาลัยแบบ 3 ก้านหนัง รูปทรงเช่นเดียวกับที่อยู่ใน CX-5 แต่ไม่มีสวิทช์ Cruise Control ทางด้านขวา และเดินด้ายสีแดง ร่วมกับ Trim ขอบพวงมาลัยลายเคฟล่า
ในการขับเคลื่อน ช่วยให้การสาวจอดเบามือและ คล่องตัวที่ความเร็วต่ำ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวขนาด 5.3 ม. ที่ยังถือว่าคล่องตัวพอใช้ พวงมาลัยตอบสนองได้ดี ไม่ไวจนเกินไปนัก น้ำหนักยังพอรู้ตึงมือว่าเป็นพวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า แต่ก็ไม่หลอกมือจนเกินไปนัก การขับขี่ที่ความเร็วสูงขึ้นพวงมาลัยจะเริ่มหนักตึงมือขึ้นเรื่อยๆ ที่ความเร็วสูงพวงมาลัยมีระยะฟรีอยู่พอสมควร ซึ่งพอให้มีวงเลี้ยวในการหักเลี้ยวควบคุม แต่ก็อาจต้องควมคุมให้ดี จากพื้นถนนที่ไม่ราบเรียบ ซึ่งพวงมาลัยอาจจะดิ้นไปตามพื้นผิวเหล่านั้น
ระบบกันสะเทือน Skyactiv Chassis ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ร่วมกับ Skyactiv Body ตัวถังที่มีน้ำหนักเบาลงแต่คงความแกร่ง ด้วยโครงสร้างรูปแบบใหม่ ชิ้นส่วนโครงสร้างถูกออกแบบให้มีความตรงและยาว ด้วยแนวคิดของโครงสร้างต่อเนื่องหรือ Continuous Framework ที่ทุกชิ้นส่วนจะถูกเชื่อมต่อกัน เพื่อคงความแข็งแรงตามรูปแบบ Monocoque จึงช่วยให้มีสมดุลของตัวถังรถที่ดียิ่งขึ้น
ทันทีที่ได้เข้าไปนั่งขับขี่อยู่ในรถ Mazda3 ใหม่นี้ ก็รับรู้ได้ทันที ถึงอาการของช่วงล่างที่แน่น และค่อนข้างแข็ง แต่แน่นเฟิร์ม ขณะผ่านทางรถไฟ และทางขรุขระ ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แม้ขับผ่านด้วยความเร็ว เกือบ 50 กม./ชม. แต่อาจรู้สึกตึงตังบ้าง เมื่อเจอพวกพื้นผิวที่เป็นหลุมๆ บ่อๆ ตะปุ่มตะป่ำ หรือลูกระนาดขนาดเล็ก
แต่เมื่ออยู่ในทางโค้ง Mazda3 ใหม่นี้ ถือว่าเข้าโค้งได้เนียนเข้าขั้นดีที่สุดในคลาส C-Segment เลยก็ว่าได้ ช่วงล่างแน่นเฟิร์ม ไม่มีอาการโยน หรือ ย้วยออกของตัวบอดี้ ให้เห็น แต่อาจมีอาการ Understeer ให้เห็นบ้างตามประสารถขับเคลื่อนล้อหน้า หากเข้าโค้งแบบผิดไลน์ไปนิด แต่ก็สามารถหักคัดพวงมาลัยแก้ช่วยได้ไม่ยาก ซึ่งทั้งช่วงล่างและระบบควบคุมทำงานได้อย่างดีเยี่ยม การขับบนทางตรงที่ความเร็วเดินทาง 120-130 กม./ชม. ยังทำหน้าที่ได้ดี แต่เมื่อขึ้นไปช่วงประมาณ 140 กม./ชม. พบว่าช่วงนี้ช่วงล่างตัวรถอาจดู sensitive ต่อสภาพพื้นถนนไปเสียหน่อย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าที่ความเร็วระดับนี้ยังดูดีกว่าเพื่อนอีกหลายค่าย
และที่ได้กล่าวมาข้างต้น ช่วงล่างที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mazda ตั้งแต่ไหนแต่ไร คือ ช่วงล่าง ที่ออกแนวแข็ง ซึ่งดูนั่งไม่สบายเท่าใดนัก
ระบบห้ามล้อ ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบ ABS และ EBD โดยคู่หน้ามาพร้อมครีบระบายความร้อน การเซ็ตตำแหน่งแป้นเบรกออกมากลางๆ คือ ไม่ตื้นจนแตะนิดเดียวหัวทิ้ม และไม่ลึกจมเหมือนกับรถยนต์พวก SUV หรือ รถยนต์ Sedan หลายคันที่เน้นนั่งสบายๆ
เบรกของ Mazda3 นี้ ทำหน้าที่ได้อย่างดี หนึบเบรกหยุดอยู่เท้า ซึ่งแตกต่างจาก CX-5 เป็นอย่างมาก เพราะ CX-5 เซ็ตตำแหน่งแป้นออกมาลึก และการตอบสนองดูเชื่องช้าเกินไป ซึ่งใน Mazda3 เบรกนั้นสามารถตัดกำลังล้อทั้ง 4 ได้อย่างดี และสามารถหยุดได้อย่างเหมาะสม แม้การขับขี่ที่ความเร็วเดินทาง แต่หากซัดทางด้วยอัตราเร่ง และต้องการเบรกชะลอให้ทันท่วงที อาจจะใช้การ Shift Down เกียร์ช่วย เพื่อทำ E-Brake ด้วย จะสร้างความมั่นใจได้ยิ่งขึ้น
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่มีให้ได้แก่ ไฟเตือนที่กระจกมองข้างเมื่อมีรถแล่นมาทางด้านหลังในมุมอับ Round View Monitor (RVM) , ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ Smart City Brake Support (SCBS) ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ Dynamic Stability Control (DSC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control System (TCS), ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน ESS เป็นต้น แต่กลับไม่มีกล้องมองภาพหลัง หรือเซ็นเซอร์หลังมาให้
สรุป Mazda3 Skyactiv ใหม่ รถ Sport Compact เทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน เครื่องยนต์ 2.0 มากับราคาเริ่มต้นที่ดึงดูด 8.3 แสน ดูสมราคา เทคโนโลยี และมีให้เลือกทั้งโฉม Sedan และ Hatchback แต่ทว่าแม้ในรุ่นท๊อป แล้วออปชั่น หลายอย่าง ยังดูขาดหาย อาทิ Cruise Control, กล้องมองหลัง, สัญญาณเตือนถอยจอด, Idling Stop เป็นต้น แต่ก็ชดเชยมาด้วย SCBS และ RVM เป็นต้น รวมถึง Center Command ที่ช่วยให้ดูหรูหรา Hi-So ใน look Sporty เช่นนี้
ในด้านการขับขี่ก็ ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ทั้งระบบการควบคุม และระบบส่งกำลัง แม้อาจจะยังไม่จี๊ดจ๊าด ที่สุด แต่ก็ถือว่าแรงน่าประทับใจ และอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าตัวก่อนอีกพอสมควร พร้อมรองรับน้ำมัน E85 ซึ่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมต่อถังลงไปได้อีก
หากคุณเป็นคนที่กำลังมองหารถสักคัน ในงบช่วง 8 แสน - 1 ล้าน โดยรักการขับขี่เป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งชอบในรูปลักษณ์ดีไซน์ รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และคุ้มค่ากับราคาแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปลอง Mazda3 Skyactiv ใหม่ คันนี้ก่อนล่ะ
ขอขอบคุณ Mazda Sales ประเทศไทย สำหรับรถทดสอบ Mazda3 SP Sports สี Soul Red ราคา 1.094 ล้านบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ชมภาพเพิ่มคลิ๊ก
พบรถ Mazda และ Mazda3 มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com
ความคิดเห็น