รีวิว Suzuki Gladius 650 ABS (SFV) นี่ล่ะ Naked Touring Middle Weight ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะแก่การใช้งานในทุกๆวัน
รีวิว Suzuki Gladius 650 ABS (SFV)
เมื่อช่วงกันยายนปีที่แล้ว 2013 Thai Suzuki Motors ค่ายรถจักรยานยนต์ Suzuki ในบ้านเรา ได้เปิดตัวรถ Bigbike มากถึง 6 รุ่นด้วยกัน ซึ่งคันที่ผู้เขียนเห็นแล้วสนใจอยากจะลองขับขี่มากที่สุดก็คือ Suzuki Gladius 650 รถในขนาดกลางพิกัด 650cc ซึ่งนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน
โดยก่อนหน้านี้ประมาณช่วงต้นปี ทางผู้เขียนได้มีโอกาสลองขี่รุ่น non ABS แบบ 1st impression เล่นๆ กันไปแล้ว และในวันนี้เราได้มีโอกาสนำเจ้า Gladius Naked Touring คันเก่งนี้มาทดสอบอีกครั้ง โดยโมเดลที่ได้มาทดสอบครั้งนี้ จะเป็นเวอร์ชั่น ABS ลองมาดูกันว่ารถ Bigbike ที่ดูหน้าตาธรรมดาๆ คันนี้จะมีดีกันสักแค่ไหน
Suzuki Gladius ได้เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 จวบจนปัจจุบันมันยังเป็นโฉมเดิม Gladius คันนี้ จึงดูมีรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ไม่โฉบเฉี่ยวสักเท่าไร ไฟหน้าทรงรีซึ่งดูเผินๆ คล้ายรถจากแดนมักกะโรนี MV Agusta Brutale อยู่ไม่น้อย เบาะนั่งตอนเดียว นั่งสบายสไตล์ Naked Touring มาพร้อมมือจับหลัง ซึ่งช่วยให้เข็นลากรถได้ง่ายยิ่งขึ้น เฟรมโครงถักด้านข้างเสริมความดุดัน ในแบบรถอิตาเลียน แต่ในคันนี้ที่เป็นสีดำ และเฟรมถักดำ Metallic Mat Black No.2 / Glass Sparkle Black (KGL) ทำให้มันดูกลืนกันไปไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
ไฟท้ายด้านหลังที่เป็นรูปทรงเดียวกับ V-Strom 650 ซึ่งติดเป็นชิ้นเดียวกันกับบังโคลนด้านท้าย ไม่เหมาะแก่ผู้ที่คิดจะทำท้ายสั้นเป็นแน่ เพราะรูกุญแจที่เปิดใต้เบาะ ติดตั้งอยู่บนบังโคลนหลังด้วย และอีกจุดกับกรองน้ำมันเครื่องที่เป็นกระปุกยื่นออกมาบริเวณคอท่อด้านหน้า สร้างความรำคาญตาไม่น้อย หากไม่มีอกล่างปิดเสริมความหล่อ ท่อไอเสียออกข้างที่มีช่องระบายไอเสีย 2 ช่อง ดูเท่ห์ไม่เบา แม้ช่องล่างจะเป็นช่องหลอกก็ตาม
มองขึ้นมาที่แผงแดชบอร์ด มาตรวัดความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตัลทางด้านขวา พร้อมจอแสดงผล ODO มีปุ่ม Set Trip 1,2 และระยะทางที่เหลือ ไม่มีอัตราสิ้นเปลืองและเกจ์น้ำมัน วงกลมตรงกลางขนาดใหญ่เป็นวัดรอบเครื่องแบบเข็ม มีไฟบอกเกียร์อยู่ภายใน ทางด้านซ้ายมีไฟบอกตำแหน่งเกียร์ว่าง, ABS, ไฟเตือนระดับน้ำมัน และที่ประกับไฟด้านซ้าย ก็มีสวิทช์ไฟมาให้ครบทั้งไฟ Pass และไฟฉุกเฉินด้วย
ด้านของมิติรถ Suzuki Gladius 650 ABS (SFV)
เบาะนั้นมีความสูงเพียง 785 มม.ช่วยให้ผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงไม่มากขี่ได้อย่างคล่องแคล่วสบาย น้ำหนักตัวก็ไม่มากเกินไปที่ 205 กก.มีความจุถังน้ำมันที่ 14.5 ลิตร
เครื่องยนต์ Suzuki Gladius 650 ABS (SFV)
ขุมพลังจากเครื่อง 2 สูบ V-Twin 90 องศา DOHC 645cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลัง 71 แรงม้าที่รอบ 9,000rpm และแรงบิด 63 Nm@7,600rpm
เริ่มต้นสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งต้องกำคลัชทั้ง 4 นิ้วให้สุด ถ้ากำเพียง 2 นิ้วจะสตาร์ทไม่ติด น้ำหนักคลัชอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนข้างไปทางนิ่ม ทำให้เวลาขับขี่ขณะรถติดไม่เมื่อยนิ้วมือมากนัก ลองเบิลเครื่องดูเสียงของเครื่องบล๊อก V นั้นฟังดูดุดันใช้ได้ทีเดียว ตบเท้าเข้าเกียร์ 1 ออกตัวเปิดคันเร่ง มีกำลังช่วงตีนต้นให้ใช้พอสมควรตามสไตล์รถ 2 สูบ
แต่ก็ถึงกับตื่นเต้นหวือหวามากมายนัก ยังแอบรู้สึกว่าเกียร์ 1 ยังดูไม่จัดจ้านเท่าคู่แข่งที่ใช้เครื่อง 2 สูบเรียงในคลาสเดียวกันอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเข้าช่วงเกียร์ 2 เป็นต้นไป จะรู้สึกได้ว่าแรงบิดมีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกได้ว่าไม่แตกต่างกันแล้ว เราเปิดคันเร่งลากรอบยาวๆ ไปจนถึงราง 8,000 ซึ่งจะเริ่มรู้สึกเครื่องตื้อๆ ประมาณว่า Torque หมดแล้ว ซึ่งในการใช้งานจริง ไม่ควรลากเกียร์จนเกิน 8,000rpm ซึ่งเปนช่วงที่พ้นแรงบิดไปแล้ว แต่หากต้องการความเร้าใจ จัดจ้านแบบต่อเนื่องเมื่องัดเกียร์ไปแล้ว ก็ควรที่จะต้องสับที่ราว10,000rpm เพราะรอบเครื่องจะตกลงมาที่ระดับราว 8,000rpm ซึ่งยังเป็นช่วงที่แรงบิดเริ่มหมด แต่แรงม้ากำลังขึ้นในช่วงใกล้กำลังสูงสุดนั่นเอง
Ok มันใช่ที่ว่า Gladius 650 ตัวนี้ ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นน่ากลัวจนเอาไม่อยู่ แต่ผู้เขียนกลับรู้สึกถึงเครื่องยนต์ของมันมากกว่ารุ่นอื่นๆ เพราะว่ามันเป็นเครื่องที่ดูให้การตอบสนองได้ดี ควบคุมได้ง่าย จะขี่ชิลๆ ก็ขี่ได้ไม่ลำบาก จะแรงก็ ถือว่าเพียงพอต่อการแซงรถทั่วๆ ไปในเมือง และสามารถเดินทางไกลที่ความเร็วในระดับ 140 กม./ชม.ได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญจากการใช้งานมา มีจุดที่เราประทับใจ อีกนั่นก็คือเครื่องไม่มีอาการร้อนจนทรมานขาให้เรารู้สึกเลย ไม่ว่าจะซัดกระแทกลากรอบมายาวๆ หรือขับมุดในช่วงรถติด ก็มีเพียงไอร้อนๆ นิดหน่อยให้สัมผัสกันบริเวณหน้าขาเท่านั้น
นอกจากนั้น เราได้ลองจับอัตราสิ้นเปลืองคร่าวๆ จากการเติมน้ำมันเข้าเต็มถัง ทำได้ราว 25 กม./ลิตร จากน้ำมันเต็มถังวิ่งไป 300 กม. ไฟเตือนระดับน้ำมันยังไม่ขึ้นโชว์เลย โดยมีสภาพการขับขี่ ทุกรูปแบบทั้งเดินทางไกล ทำความเร็วใช้สมรรถนะที่รอบสูงและในเมืองที่มีรถติดปะปะ ไปจนถึงขี่เรื่อยๆ มุดช่องจราจร
ระบบกันสะเทือน โช๊คอัพคู่หน้าแบบ Telescopic ขนาดแกน 41mm ด้านหลังเป็นแบบ Link Type พร้อมโช้คอัพเดี่ยวปรับ Spring Preload ได้ 7 Step โดยภาพรวมการขับขี่ ถือเป็นรถที่เซ็ตช่วงล่างมาเหมาะสมแก่การใช้งาน ทั่วๆไป ช่วงล่างนิ่มนั่งสบาย ดูผ่อนคลายสำหรับการเดินทางไกล แถมผู้โดยสารก็สามารถนั่งซ้อนได้อย่างสบายด้วยเบาะขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่เหลือเฟืออีกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้อาณิสงค์มาจากโช้คอัพในแนวตั้งซึ่งช่วยซับแรงได้เป็นอย่างดี
และการเดินทางที่ความเร็วในระดับไม่เกิน 140 กม. ยังดูให้การยึดเ าะพื้นถนนได้ดี ในขณะที่ยางใส่ของ Dunlop Sportmax Qualifier ขนาด120/160 (หน้า/หลัง) สำหรับเวลาเข้าโค้งนั้น ด้วยลักษณะของตัวรถที่เป็นสไตล์ Touring จึงอาจจะยังดูโหนแบบ Hang on เข้าโค้งได้ไม่มาก เทลงได้ไม่เยอะนัก ทั้งในส่วนของตำแหน่งวางเท้า และท่านั่งขับขี่ ซึ่งอาจใช้วิธีเอนตัวแบบ Lean In เข้าช่วยในการเข้าโค้งที่ความเร็วเพิ่มขึ้น
การควบคุมรถ และท่านั่งขับขี่ Gladius มากับ handbar สั้น และไม่กางมาก แต่ทรงและนำแหน่งวางมือ ดูเหมือนรถ Cruiser แต่ระยะแฮนด์ที่ดูแคบ จึงทำให้มันมุดซอกแซก รถติดได้ง่าย ใกล้เคียงกับรถขนาดเล็ก รวมถึงการโยกรถหลบซ้าย หลีกขวา ก็ง่าย และคล่องแคล่ว ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาดาย และเบาะที่เตี้ย 785mm นอกจากนั้นท่านั่งขับขี่ แม้อาจจะดูไม่เท่ห์ เพราะมันเป็นรถสไตล์ Naked Touring จึงทำให้มีท่านั่งได้สบาย ตำแหน่งวางขาเหยียดตรงไม่ต้องพับหรืองอขา ช่วยให้การขับขี่เดินทางไกล ออกต่างจังหวัด ไม่รู้สึกปวดเมื่อยขา หรือช่วงแขน และไหล่มากนัก
ระบบเบรก ABS จาก Tokico เบรกหน้าเป็นแบบจานคู่ ขนาด 290mm จับด้วยคาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบจาก tokico 2 และด้านหลังแบบจานเดี่ยวขนาด 240mm จับด้วยคาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ จาก Nisin จังหวะลงเบรกนั้น ดูจะเป็นปัญหาสุด สำหรับการขับขี่รถคันนี้ ซึ่งมีดีแทบทุกอย่างเพราะว่าฟีลลิ่งในการเบรกนั้นแตกต่างกับรุ่นไม่มี ABS เป็นอย่างมาก เบรกดูไร้ชีวิตชีวา ระยะเบรกเปลี่ยนไป ทำให้ต้องเผื่อระยะเบรกมาก เนื่องจากหลายจังหวะ ดูจะเบรกไม่ค่อยอยู่ ซึ่งการใช้ Engine Brake ด้วยการลดเกียร์ลงจึงเป็นเรื่องสำคัญในการขี่รถมี ABS เช่นนี้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้น่าจะมีปุ่มปิดระบบ ABS มาให้ด้วยจะดีมาก
สรุป Suzuki Gladius 650 รถสไตล์ Naked Touring ซึ่งอาจเรียกได้ว่ามันเป็นรถคลาส 650 ที่เป็นมิตรต่อผู้ขี่ที่สุด รวมถึงเหมาะแก่การใช้งานในชีวิตประจำวันที่สุดด้วย ทั้งพละกำลังที่มีให้อย่างพอเหมาะ ไม่แรงโหดเกินไป แต่ก็ไม่เบาจนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งการบังคับควบคุมรถที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แถมซอกแซกรถติดได้ง่าย (แต่อยากได้ปุ่มปิดระบบ ABS ด้วยจะดีมาก)
Gladius จึงเกือบจะเรียกได้ว่า Perfect สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการมีรถ 2 ล้อเพียงคันเดียวตอบโจทย์ ทั้งความแรงและความคล่องแคล่ว
มันอาจเสียเปรียบคู่แข่งตรงที่โมเดลนั้นลากเก่ากว่าเพื่อน ยังไม่มีการปรับโฉมจึงทำให้หน้าตาดูเรียบ ไม่โดดเด่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
และจุดสุดท้ายนั่นคือ ราคาที่แพงกว่าชาวบ้านเนื่องจากเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน มันแพงกว่าคู่แข่งในสไตล์ Naked 4 สูบ พิกัดเดียวกันอยู่ 3.4 หมื่นบาท และ 2 สูบเรียงอยู่ 4.4 หมื่นบาท แต่ถ้าคุณคิดว่า มันคุ้มที่จะได้ของนำเข้าทั้งชิ้น และเป็นรถที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครใช้แล้วล่ะก็ นี่ล่ะตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ควรมองข้าม
ขอขอบคุณ Thai Suzuki สำหรับรถทดสอบ Suzuki Gladius 650 ABS สีดำ ราคา 3.19 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น