จากที่เราเคยบอกไปไว้ในคอลัมน์ What's Up! ประจำเดือนกันยายน ว่าเราได้รับเชิญจากมาสด้า ประเทศไทย ให้เดินทางมาร่วมทดสอบมาสด้า บีที-50 โปร รุ่นใหม่ล่าสุด บนเส้นทางอันแสนสนุกสนานในประเทศมองโกเลียตลอดการเดินทางเกือบ 4 วัน บนระยะทางกว่า 1,400 กิโลเมตร
ในบันทึกการเดินทางฉบับแรก เราพาทุกท่านวิ่งขับรถจากเมืองหลวงล่าสุดของมองโกเลียอย่างอูลานบาร์ตอร์ ลัดเลาะเส้นทางธรรมชาติสลับทางหลวงมาจนถึงเมืองหลวงเก่าอย่างคาลาคอลัมเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเข้าพักในกระโจมแบบมองโกเลียแท้ ๆ
แม้ว่ามองโกเลียจะไม่ใช่เมืองแห่งสีสันการท่องเที่ยวที่มีความสะดวกสบายหรือสถานที่ท่องเที่ยวแบบเต็มที่ การเดินทางไปแต่ละจุดหมายปลายทางก็ต้องขับรถกันเต็มที่ไปให้ถึงจุดหมาย แต่ประเทศเก่าของนักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจงกีสข่านก็มีอะไรหลายอย่างให้ไปติดตามค้นหา
ไม่ว่าจะเป็นการนอนพักในกระโจมแบบพื้นเมืองแท้ ๆ ที่มีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป และเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางให้เข้ามาค้นหา บรรยากาศของธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาอัลไตยันทะเลทรายโกบี หรือแม้แต่อาหารและเครื่องดื่มพื้นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ไม่คลาย
เราสตาร์ทเครื่องรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 ในว้นที่สองของการเดินทางภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา ซึ่งเรื่องของอากาศหนาวนี้ต้องยกให้ประเทศนี้จริง ๆ กลางวันแดดแรงก็ยังหนาว แถมอุณหภูมิตอนกลางวันและตอนกลางคืนก็แตกต่างกันเป็น 10 องศา เรียกว่าปรับตัวกันสนุกสนาน
สตาร์ทเครื่องยนต์ทีเดียว เครื่องยนต์ดีไอ-ธันเดอร์ โปร ทำงานทันทีอย่างกระฉับกระเฉงไม่มีอาการขี้เกียจให้เห็น วันนี้ต้องเดินทางกันอีก 350 กิโลเมตร ผมกระโดดไปนั่งที่นั่งตอนหลังซึ่งเป็นเบาะหลังตรง สลับ ๆ กันไปครับ แบ่ง ๆ กันนั่ง แบ่ง ๆ กันขับในรถที่มีผู้โดยสาร 3 คน
การเดินทางทั้งวันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าท้องทุ่งหญ้า ทะเลทราย ฟ้าคราม เราแวะขี่อูฐกันที่แซนด์ดูนเล็ก ๆ ระหว่างทางไป ทำให้เรารู้ว่าสัตว์แห่งทะเลทรายนั้นแข็งแรงกว่าที่เราคิด และที่สำคัญก็คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบธรรมชาติของอูฐนั้น แข็งแกร่งกว่าที่คาด
เราแวะถ่ายภาพกันที่ทะเลสาปโอกิ ซึ่งเป็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่และอยู่ใจกลางทุ่งหญ้า โดยปกติแล้วหากฟ้าเปิดมากพอ ตัวทะเลสาปจะเป็นสีฟ้าเทอร์คอยซ์สวยงาม แต่หากฟ้าไม่เปิด วิวที่ได้จากการมองผ่านกล้องถ่ายภาพก็สวยงามคุ้มค่าแก่การเดินทางมาถึงอยู่ดี
คืนนั้นเราพักค้างคืนกันที่เออร์เดเน่ ยูคาร์ แคมป์ ที่พักแบบกระโจมที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเมื่อคืนสักเล็กน้อย สภาพของบีที-50 ที่วิ่งจากอูลานบาร์ตอร์มาถึงที่พักแห่งนี้ กินระยะทางกว่า 750 กิโลเมตร แม้จะเต็มไปด้วยคราวฝุ่นคราบโคลน แต่ก็ยังพร้อมใช้งานอย่างเต็มที่
ตามโปรแกรมวันต่อจากนี้ เราจะเดินทางกันสู่ทะเลทรายโกบี ซึ่งเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงทางด้านใต้ของมองโกเลีย และเป็นจุดที่เราจะเข้าใกล้ประเทศจีน ซึ่งจะเป็นจุดหมายปลายทางของเราในอีก 2 วันข้างหน้ากันมากขึ้น
บอกเลยว่าเส้นทางที่เราทำการวิ่งผ่านกันมานั้น ไม่ใช่แค่คนใจถึงจะไปได้อย่างเดียว รถที่เป็นยานพาหนะนั้นก็ต้องไว้วางใจได้เช่นกัน มีหลายช่วงถนนเหมือนกันที่เราแอบคิดกันในรถว่าทำไมไม่เอารถขับสี่มา แต่เจ้าบีที-50 ยกสูงคันนี้ก็ผ่านไปได้อย่างสบา่ยอย่างไร้อุปสรรค
อย่างที่บอกว่าวันนี้ผมอาสาในการนั่งที่ห้องโดยสารตอนหลังของบีที-50 โปร คันเบอร์ 8 ตลอดทั้งวัน บนเส้นทางขรุขระคดเคี้ยวไปมา ในตอนแรกยังบอกตัวเองว่าท่าจะแย่ เพราะความเข้าใจของเรานั้น เบาะหลังของรถปิกอัพที่แม้จะเป็น 4 ประตู ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวเอาเรื่อง
แต่ในที่สุด แม้จะผ่านเส้นทางโยกเยกมาตลอดวัน ก็พบว่าตัวรถนั้นซึมซับแรงกระแทกเอาไว้ค่อนข้างดี ไอ้อาการโยกหัวสั่นคลอนเป็นเรื่องปกติสำหรับการเดินทางเส้นทางแบบนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อจัดตำแหน่งการนั่งดีดี คาดเข็มขัดนิรภัยซะให้เรียบร้อย การเดินทาง 350 กิโลเมตรก็ไม่ใช่ปัญหา
เอาเป็นว่าถึงที่หมายแล้ว กินข้าวแล้วเผลอเข้าแคมป์ นอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแบบไม่รู้สึกถึงอาการหนาวเหน็บแต่อย่างใด ทั้งที่อุณหภูมิภายนอกกระโจมลดลงอย่างต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าไม่มีอาการปวดหลังให้รู้สึก
พร้อมที่จะเดินทางมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางกลางทะเลทรายโกบีในอีกวัน...
ความคิดเห็น