นิสสันมุ่งเน้นเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ด้วยการเผยโฉมรถต้นแบบ นิสสัน ไอดีเอส คอนเซ็พท์ (Nissan IDS Concept) ซึ่งเป็นไฮไลท์ภายในงานนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2013 คาร์ลอส กอส์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิสสันเคยประกาศแผนการติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติไว้ในรถหลายรุ่นในอนาคต ซึ่งล่าสุด กอส์นยืนยันบนเวทีโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2015 ว่าแผนการทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดี
“เทคโนโลยีที่นิสสันกำลังพัฒนาจะปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างคนและรถยนต์ รวมถึงอนาคตของการขับเคลื่อน” ซีอีโอนิสสันกล่าว
นิสสันระบุว่า ไอดีเอสจะไม่ยึดติดกับการเดินทางจากจุด A ไปจุด B แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่จะสร้างความแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไอดีเอสมีโหมดการขับขี่ให้เลือกสองแบบ เริ่มจาก Piloted Drive ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติที่จะถอดแบบจาก “บุคลิก” และ “สไตล์” ของผู้ขับขี่ ทั้งการเร่ง เบรกและเข้าโค้ง
ขณะที่โหมด Manual Drive ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถด้วยตัวเอง แต่ก็มีระบบช่วยเหลือครบครันด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ไม่เพียงเท่านั้น การสื่อสารด้วย artificial intelligence หรือ AI ยังช่วยให้ตัวรถทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานของผู้ขับและคอยแจ้งข้อมูลสำคัญต่างๆ อาทิ สภาพจราจรให้ผู้ขับได้รับทราบอีกด้วย
“ประเด็นสำคัญของการพัฒนานิสสัน ไอดีเอส คอนเซ็พท์คือการสื่อสาร เราไม่เพียงมุ่งเน้นที่การสื่อสารระหว่างรถกับผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถกับผู้คนทั่วไปด้วย” มิตซูโนริ โมริตะ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของนิสสันกล่าว
ภายในห้องโดยสารเน้นดีไซน์ที่ล้ำอนาคต หน้าจอขนาดใหญ่บนคอนโซล นอกจากนี้ยังถูกออกแบบโครงสร้างเบาะที่นั่งให้รองรับการโหมด Piloted Drive และ Manual Drive ที่แตกต่างกัน ซึ่งทางโมริตะชี้ว่านิสสันให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการออกแบบภายใน
ถึงแม้จะเป็นรูปทรงแบบแฮทช์แบ็ก แต่ไอดีเอส คอนเซ็พท์มีฐานล้อที่ยาวจึงรองรับผู้โดยสารสี่ที่นั่งอย่างสะดวกสบาย โดยในโหมด Piloted Drive พวงมาลัยจะถูกเก็บไว้ในคอนโซลกลางและมีหน้าจอทัชสกรีนออกมาแทนเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมสั่งการตัวรถได้ การตกแต่งใช้แสงสีอ่อนและวัสดุหนังที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล คล้ายกับนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
ถ้าเลือกโหมด Manual Drive เบาะทุกที่นั่งจะหันไปด้านหน้า ผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถได้อย่างเต็มที่ แสงไฟในห้องโดยสารจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเพื่อกระตุ้นสมาธิในการขับขี่ นิสสันออกแบบเสาหลังคาเออย่างชาญฉลาดเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยและลดมุมอับสายตา
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก นิสสันติดตั้งแถบ LED ที่เรียกว่า Intention Indicator ซึ่งจะแจ้งเตือนทั้งคนเดินถนนและนั่งปั่นจักรยาน โดยสามารถขึ้นข้อความอย่าง “After You” หรือ “เชิญคุณเดินก่อน” เพื่อให้คนเดินถนนได้รับรู้ ทางนิสสันระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นอนาคตของการสื่อสาร
สำหรับระบบขับเคลื่อน นิสสัน ไอดีเอสใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมงซึ่งสามารถโลดแล่นได้ระยะทางไกล แต่ค่ายรถยักษ์ญี่ปุ่นไม่ได้ยืนยันว่าวิ่งได้ไกลเท่าใด
โมริตะเผยว่า เทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้าจะได้รับการพัฒนาชุดแบตเตอรี่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อเนื่อง แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการออกแบบตัวถังให้มีความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ จึงได้ใส่เทคโนโลยีแอโรไดนามิกที่ล้ำสมัยที่สุดของนิสสันไว้ในไอดีเอส เพื่อช่วยให้รถสามารถวิ่งได้ไกลมากขึ้น
ความสูงของไอดีเอสซึ่งตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์นั้นอยู่ที่ 1,380 มม. ช่วยลดค่าแรงเสียดทานหรือ Cd ลง การติดตั้งตำแหน่งยางให้อยู่ที่มุมของตัวรถยังช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร นิสสันเลือกใช้ล้อขนาดใหญ่ แต่ยางขนาด 175 เพื่อลดแรงเสียดทาน
นิสสันมุ่งหวังว่ารถต้นแบบไอดีเอสจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตแห่งโลกยานยนต์ให้เป็นโลกที่ปราศจากทั้ง “มลพิษ” และ “อุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต” ได้
LINE
ความคิดเห็น