ในบรรดารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีนี้ แน่นอนว่า ชื่อของ 2016 เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส (2016 Mercedes-Benz E-Class) จะต้องติดอยู่ในโผของรถที่มีคนเฝ้ารอมากที่สุดคันหนึ่ง
เพราะต้องไม่ลืมว่าอี-คลาสนั้นถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายมากสุด และทำตลาดแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นในกลุ่มเดียวกันได้อย่างเข้มข้นและดุเดือด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าจะทำตลาดรถยนต์รุ่นใหม่นี้ ตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะมาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์เดียว 2 รุ่นย่อย ในช่วงเริ่มต้นของการทำตลาด
นั่นก็คือเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 7.3 วินาที
อี-คลาส หัวใจดีเซลเคลมอัตราการสิ้่นเปลืองน้ำมันที่ 25.6 กิโลเมตรต่อลิตรและปล่อยไอเสียเพียง 102 กรัมต่อกิโลเมตร โดยวางราคาจำหน่ายรุ่นอี220ดี เอ็กซ์คลูซีฟที่ 3.99 ล้านบาทและรุ่นอี220 เอเอ็มจี ไดนามิกที่ 4.79 ล้านบาท
ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียง 1 สัปดาห์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยก็ได้ยกทัพสื่อมวลชนไทยบินมาร่วมงานทดลองขับกันอย่างเป็นทางการ โดยสมรภูมิการขับสำหรับรถรุ่นนี้อยู่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
เดินทางไกลทริปแรกของปีนี้ ทำให้รู้ว่าเส้นทางบินกทม.-แฟรงเฟิร์ตนั้นยังไม่ได้ใช้เครื่องใหม่อย่างเอ380 เราบินมา 11 ชั่วโมงกว่า ๆ แวะเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง จากนั้นก็จับลุฟท์ฮันซ่ามุ่งหน้าตรงสู่เมืองลิสบอนกันเลยทีเดียว
อาการช่วงนี้แม้จะไม่ได้หนาวแบบจับสั่น แต่ก็มีความหนาวเย็นอยู่ในทุกอณูที่ทำให้ต้องคว้าแจคเก็ตมาสวมไว้กันเป็นหวัด ลงเครื่องปุ๊ปก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สนามทดสอบกันอย่างทันที ตามสไตล์ทริปทดสอบรถของค่ายหรูยุโรปเขาล่ะ
เจนเนอเรชั่นที่ 10 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส มาพร้อมกับคำนิยามของการเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้่งในเรื่องของสมรรถนะที่โดดเด่น และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใส่ลงมาอย่างเต็มที่ เพื่อท้าชนกับคู่แข่งในตลาด
ด้วยขนาดของตัวถังและฐานล้อที่ยาวขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารภายในอีกเล็กน้อย ประกอบกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาวและเส้นลายหลังคาที่ทอดยาวต่อเนื่องในสไตล์รถคูเป้ไปจรดด้านหลังของตัวรถ ทำให้รถคันนี้ดูสวยหรูแปลกตา
เมอร์เซเดส-เบนซ์ระบุว่าอี-คลาสใหม่ ได้รับการออกแบบตามเอกลักษณ์แบบใหม่ของรถยนต์ซีดานหรูในตระกูลตราดาวเป็นที่เรียบร้อย ด้วยซุ้มล้อหลังที่ดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า ที่ทำให้ตัวรถดูแข็งแกร่ง บึกบึน มากกว่าความหรูหราเพียงอย่างเดียว
ระบบไฟหน้ามัลติบีม แอลอีดีแบบความละเอียดสูง มาพร้อมกับระบบแอคทีฟ ไลท์ ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก โคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว ที่ด้านในโคมแบ่งฟังชั่นส์การทำงานได้อย่างลงตัว เพิ่มความหรูหราให้กับรถไปอีกขั้นหนึ่ง
เอาจริง ๆ เมื่อมองตัวรถในภาพรวมอาจจะรู้สึกว่ารถให้บรรยากาศของซี-คลาสอยู่มากพอสมควร แต่เมื่อเข้าไปนั่งแล้วก็ยังให้บรรยากาศที่เหนือกว่าอยู่เอาเรื่อง โดยสีของอี-คลาสนั้นมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น รวมถึงสีแดงเพลิงและเทาด้านก็มีให้
งวดนี้้ผมจับคู่กับจิมมี่ แห่งเฮดไลท์แม็ก เป็นบัดดี้ในการขับ จับมาลงตัวกับคันแรกที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี400 4เมติก รุ่นท๊อปของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและชุดแต่งเอเอ็มจีแบบรอบคัน ไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่ม
เครื่องยนต์เบนซิ 6 สูบ พลัง 333 แรงม้า พร้อมแรงบิด 480 นิวตันเมตร กดเป็นมา กดเป็นมา รุ่นนี้ จะไม่มีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ตามคำยืนยันของพีอาร์ใหญ่ของค่าย ส่วนรุ่นอี220ดี ที่เข้ามาขายนั้น รอขับกันอีกครั้งก่อนจบทริปนี้
เส้นทางทดสอบวิ่งออกจากร้านอาหารผ่านถนนในเมืองแคบ ๆ วิ่งขึ้นทางหลวงของเขาแบบชิลชิล อี-คลาสใหม่มีระบบเตือนความเร็วสูงสุดในถนนแต่ละแห่ง เพียงแค่กดแป้นครูซคอนโทรลเบา ๆ 2 ที ระบบก็จะเตือนขึ้นมาให้เห็นอย่างว่องไว
ผมขับมาแบบหวั่น ๆ เรื่องของข้อจำกัดความเร็ว เพราะประเทศแถบ ๆ นี้ ส่วนใหญ่เข้มงวดเรื่องนี้เอาเรื่องอยู่ แต่ก็มีเผลอ ๆ ที่แอบวิ่งเร็วกว่าสปีด ลิมิตไปบ้างเล็กน้อย เรื่องการขับนี่ พอมาขับรถพวงมาลัยซ้าย วิ่งขวานี่ จับความรู้สึกยากเอาเรื่อง
เพราะสมองส่วนหนึ่งเอาเวลาไปเหลือบมองเลน เพื่อวิ่งให้กินซ้ายมากขึ้น รถจะได้ไม่เผลอวิ่งไปชนใครทางด้านขวา ขนาดว่าระวังแล้ว ยังมีเสียงเตือนจากเบาะที่นั่งด้านข้าง พร้อมบางทีมีมือขยันโผล่มาช่วยขยับพวงมาลัยอยู่เป็นระยะเกือบตลอด
เอาเป็นว่าเครื่องยนต์รุ่นท๊อปสุดของอี-คลาสนั้นให้การตอบสนองที่ดี เบรกให้ระยะที่ยอดเยี่ยม แถมช่วงล่างนั้นออกแนวนุ่มนวลสะดวกสบาย การเปลี่ยนเลนและการควบคุมรถทำได้อย่างง่ายดายด้วยพวงมาลัยขนาดกระชับมือที่มีระยะเลี้ยวที่ดี
ห้องโดยสารนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งสี ลักษณะของเบาะและฟังชั่นการใช้งาน ไม่รู้รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าแผงคอนโซลมันดูใหญ่จนเบียดบังพื้นที่ห้องโดยสารตอนหน้าไปเสียหมด เบาะที่นั่งก็สบายดีตามอัตภาพ ไม่มีอะไรให้ติมากมาย
เบาะผู้โดยสารตอนหลังนั่งสะดวกสบายกว่ารุ่นเดิม พื้นที่วางเข่าดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีกนิด แต่เฮดรูมดูย่อลงมา ซึ่งก็ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่ได้ตัวใหญ่มากมาย โดยรวมความแล้วในเรื่องความสะดวกสบายในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
การออกตัวระดับหลังติดเบาะและการเร่งแซงได้ในทุกย่านความเร็วน่าจะเป็นจุดขายที่ดีสำหรับรุ่นท๊อปคลาสตัวนี้ แต่ความสะดวกสบายในภาพรวม และการควบคุมที่แม่นยำมากขึ้น น่าจะเป็นจุดแข็งของสินค้า รวมถึงเทคโนโลยีที่อัดมาเต็มพิกัด
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพยายามขับเจ้าอี220ดี รุ่นที่ขายในเมืองไทยให้ได้ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังกันอีกสักที แถมด้วยเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกสักตั้งจะเป็นไรไป...
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
LINE
ความคิดเห็น