หลังจากที่พวกเราไปร่วมทริปทดสอบขับเจ้า 2016 เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส (2016 Mercedes-Benz E-Class) ที่ประเทศโปรตุเกสตอนต้นปี เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้เดินเครื่องเปิดตัวรถรุ่นนี้ในงานมอเตอร์โขว์ และนำเข้ารุ่นประกอบที่เมืองนอกเข้ามาทำตลาด
จากการที่เราได้ไปทดสอบกันทั้งตอนแรกที่เราได้ลองรุ่นท๊อป อี400 4เมติก และในตอนที่ 2 ที่ได้ลองรุ่นที่จำหน่ายในเมืองไทยอย่างอี220ดี เราพบว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนามาอย่างมากมายทั้งด้านหน้าตาและสมรรถนะ
และไม่ต้องรอกันนาน ผมรับสายโทรศัพท์จากทีมพีอาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ว่าพอจะมีเวลาว่างเอารถรุ่นใหม่ไปทำการทดสอบหรือไม่ ก่อนที่ทางค่ายจะจัดงานทดสอบแบบกลุ่มในสัปดาห์นี้ ซึ่งแน่นอนว่าว่างอยู่แล้ว ก็เลยไปรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี220ดี เอเอ็มจี ไดนามิก มาทดลองใช้ช่วงกลางสัปดาห์
จริง ๆ แล้วก็คาดว่าจะยืมยาวเพื่อไปลองอัดกันยาว ๆ กันดูบ้าง แต่พอดีติดขัดเรื่องการติดต่อสื่อสารเล็กน้อย ทำให้จองเวลากันได้แค่ช่วงกลางสัปดาห์ ก็เลยได้แค่ลองใช้กันในเมืองเพียงอย่างเดียว ไม่เป็นไร เอาไว้มีโอกาสว่าง ๆ ค่อยไปขอหยิบยืมกันออกมาอีกรอบน่าจะได้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี220ดี เอเอ็มจี ไดนามิก รุ่นนำเข้าทั้งคัน วางราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 4.79 ล้านบาท แพงกว่ารุ่นเอ็กซ์คลูซีฟที่วางราคาจำหน่าย 3.99 ล้านบาท แต่ให้อุปกรณ์และชุดแต่งที่น่าสนใจมากมายทั้งคัน
ไม่ต้องถามว่าราคาเมื่อนำมาผลิตในประเทศแล้วจะลดลงไปเหลือเท่าไหร่ เพราะถ้าอยากได้ก็ซื้อตอนนี้ไปเลย ราคาไม่น่าจะใช่ปัจจัยอยู่แล้ว!!!
ภาพลักษณ์เปลี่ยนไป ใส่ความสปอร์ตเพิ่มขึ้น
ใครที่เคยบอกว่าอี-คลาสเป็นรถยนต์ของผู้ใหญ่หรือกลุ่มผู้บริหารนั้น อาจจะต้องแปลกใจที่ผมกำลังจะบอกว่าในอี-คลาสใหม่รุ่นที่นำมาทดสอบนี้ ให้บรรยากาศและอารมณ์ของวัยรุ่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การออกแบบรถไปจนถึงรายละเอียดของการตกแต่ง
ตัวรถมาพร้อมความเตี้ยที่ลดลง การออกแบบให้ได้รถที่มีความยาวของฝากระโปรงหน้าเพิ่มขึ้น และมีรูปลักษณ์ด้านท้ายที่ตัดให้สั้นลง แน่นอนว่าทำให้ลักษณะของรถนั้นดูสปอร์ตขึ้นอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหากับการกะระยะการขับขี่แต่อย่างใด
จุดที่ทำให้รุ่นเอเอ็มจี ไดนามิก มีความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดก็คือเรื่องของชุดแต่งที่ใส่เข้ามาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นล้อแมกซ์ 19 นิ้ว ลาย 5 ซี่คู่ คาลิปเปอร์เบรกหน้ามีช่องระบายความร้อนพร้อมโลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งทำให้รถดูเฉียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ด้านหน้าของตัวรถเสริมความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าสีเงินโครเมียม พร้อมด้วยโลโก้ตราดาวขนาดใหญ่ โคมไฟแบบใหม่มัลติบีม แอลอีดี พร้อมด้วยระบบโคมไฟอัจฉริยะที่ทำงานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ก็ถูกติดตั้งมาในรุ่นเอเอ็มจีเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งชุดแต่งรอบคันของเอเอ็มจี รวมถึงติดตั้งระบบบางอย่างที่มีให้เลือกในรุ่นท๊อปเท่านั้น เช่น ระบบเปิดฝากระโปรงหลังอัตโนมัติ หรือระบบหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิดได้อย่างกว้าง เรียกว่าอุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่มมาจ่ายเพิ่มมาก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ใส่ใจธรรมชาติแบบไม่ทิ้งความแรง
เครื่องยนต์ดีเซลเจนเนอเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ถูกติดตั้งมาเป็นเครื่องยนต์มาตรฐานของรุ่นนี้ โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการกล่าวขวัญอันมาก ในฐานะเครื่องยนต์ในรถรุ่นที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายรุ่นแรก ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียอันเข้มข้นของยุโรป ที่จะประกาศใช้ในปี 2560
เครื่องยนต์ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ พร้อมเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,950 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 1,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9จี-ทรอนิก แบบ 9 จังหวะเดินหน้ารุ่นใหม่ล่าสุด
ตามสเปกระบุว่าวิ่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.3 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเคลมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 25.6 กิโลเมตรต่อลิตรและปล่อยไอเสียเพียง 102 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่งจากค่ายตราดาว
การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นยอดเยี่ยม การเปลี่ยนเกียร์ไปได้อย่างเรื่อย ๆ และไหลรื่นไม่มีรอยกระตุกของเกียร์ให้รู้สึก อย่างที่เราเคยบอกไว้แล้วว่าเครื่องยนต์นั้นให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมจนไม่ต้องกังวลว่าจะวิ่งไม่ออก แต่กลัวว่าจะวิ่งเร็วเกินไปหรือเปล่าอย่างเดียวก็พอ
สิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าเรื่องการตอบสนองของเครื่องยนต์ก็คือเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมันที่ต้องบอกว่าอยู่ในระดับเหลือเชื่อ เติมน้ำมันมาเต็มถังจะพบว่ารถยนต์แจ้งว่าวิ่งได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตร และเท่าที่วิ่งมาจริง ๆ ก็เชื่อว่าสามารถทำได้ไม่ต่าง ยกเว้นแต่จะเข้าโหมดสปอร์ตเค้นกำลังเครื่องก็ว่ากันอีกเรื่อง
ภายในตามมาตรฐานของค่าย หรูหราด้วยของเล่นเพียบ
เอาล่ะ ตอนที่ไปลองขับที่โปรตุเกสบอกเลยว่าแทบไม่ได้เล่นของเล่นในตัวรถสักเท่าใด เพราะเอาแต่ขับไปเรื่อย ๆ ให้ถึงที่หมายตามที่จีพีเอสระบุไว้ก็แทบแย่ ไหนจะเป็นพวงมาลัยซ้ายอีก ผมก็เลยทำได้แค่ฝากเอาไว้ก่อน รอกลับมาเล่นที่เมืองไทยก็ได้
แน่นอนว่าเมื่อเป็นรุ่นท๊อป รถคันนี้ก็ต้องติดตั้งไวล์ดสกรีม คอกพิท มาให้ผมได้ลองเล่น หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ววางต่อกัน 2 จอตามแผงคอนโซลหน้า ควบคุมด้วยจอยระบบสัมผัสที่ติดตั้งอยู่บนคอพวงมาลัย 2 ฝั่ง นี่เรากำลังคุมระบบของรถทั้งคันด้วยปลายนิ้วโป้งหรือนี่
การทำงานก็คือสามารถเรียกฟังชั่นส์ต่าง ๆ อาทิ เครื่องเสียง ระบบนำทาง การเปลี่ยนแปลงดิสเพลย์บนหน้าจอ โทรศัพท์ ฯลฯ ขึ้นมาใช้งานได้ตามฟังชั่นส์ที่วางเอาไว้ จอแสดงผลยังเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ แถมยังเลือกได้อีกต่างหากว่าต้องการหน้าจอแบบไหน
เครื่องเสียงในรถให้บรรยากาศหรูเพริศเหมือนนอนฟังเสียงในห้องเก็บเสียงดีดี ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่ให้ความเย็นได้เร็วเต็มพิกัด แถมในรุ่นท๊อปยังมีระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายติดตั้งมาให้อีกด้วย เรียกได้ว่ามากันอย่างครบครัน
การตกแต่งภายในรถคันที่นำมาทดสอบเน้นความดุดันด้วยสีภายในสีเข้ม เน้นโทนดำเกือบทั้งหมด อันนี้ทำให้รู้สึกให้คะแนนรถคันนี้เพิ่มขึ้นมาอีกนิด เพราะจะบอกว่าตกแต่งภายในสีเบจแบบคันที่ไปขับก่อนหน้านี้ มันดูแก่และเชยมากเลย ไม่ไหวจริง ๆ นะ
อี-คลาสที่พัฒนามาใหม่ ใส่ใจในทุกด้าน
เอาล่ะ แม้ว่าอี-คลาสใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยนำเข้ามาจำหน่าย จะไม่ได้ติดตั้งระบบสุดไฮเทคสารพัดอย่างมา อย่างเช่น การควบคุมรถผ่านสมาร์ทโฟน ระบบช่วยเปลี่ยนเลน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าใช้งานของมันลดลงไปแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน หากเราพิจารณาความดีงามของรถรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่ออกแบบมาอย่างสวยงามลงตัว เครื่องยนต์ชั้นดีที่ตอบสนองได้ดั่งใจ แถมมีโหมดสปอร์ตให้กดใช้งานกันได้สนุก ๆ โดยที่ให้อัตราการสิ้นเปลืองที่น่าสนใจไม่น้อย
ทางด้านฟังชั่นการใช้งานก็ใส่มาอย่างลงตัว เอาเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้งานในประเทศไทย แถมหากใครไม่ต้องการฟังชั่นอะไรมากมาย ก็ยังสามารถเลือกรุ่นล่างเพื่อที่จะประหยัดสตางค์ไปได้อีกเกือบล้านบาทอีกต่างหาก อันนี้เป็นราคาของรุ่นซีบียูนะครับ ซีเคดีต้องรอกันไปอีกสักพัก
โดยรวม ๆ แล้วจากการทดสอบอี-คลาสมาหลากหลายรุ่น หลากหลายตัวถัง ต้องบอกว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พัฒนารถรุ่นนี้ออกมาได้เร้าใจมากขึ้น มีการไล่บรรยากาศของรถผู้ใหญ่ที่เน้นการนั่งหลังเสียมากกว่าออกไปได้มากโข และทำให้คนขับเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าขับรถของผู้สูงวัยอยู่
ด้วยค่าตัวระดับ 4.79 ล้านบาท หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่าแพงจัง เพราะเป็นรถซีบียูหรือเปล่า บอกเลยว่าไม่น่าจะเกี่ยว แต่ระบบต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปในรถคันนี้มันแพงจริง ๆ นั่นคือสาเหตุที่รุ่นเอ็กซ์คลูซีฟที่ตัดระบบหลัก ๆ ไปหลายตัว สามารถทำราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า 4 ล้านบาทได้
อย่างที่บอกนะครับ อันนี้เป็นความรู้สึกจากการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เพราะยังไม่มีเวลาออกนอกเมือง เอาไว้คราวหน้าถ้ารถยังว่างค่อยยืมมาไปเที่ยวกัน เดี๋ยวหาอะไรมาเทียบให้ดูสนุก ๆ กันอีกครั้งด้วย
แต่ถ้ารอไม่ไหว ก็เดินไปจองที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วไทยได้แล้วนะ วันนี้!!
รายละเอียดทางเทคนิค 2016 เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี220ดี เอเอ็มจี ไดนามิก รุ่นนำเข้า
ราคาจำหน่าย | 4.79 ล้านบาท |
เครื่องยนต์ | ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ 1,950 ซีซี. |
ระบบส่งกำลัง | เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ |
กำลังสูงสุด | 194 แรงม้าที่ 1,800 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด | 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที |
อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. | 7.3 วินาที |
ความเร็วสูงสุด | 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย | 25.6 กิโลเมตรต่อลิตร |
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ | 102 กรัมต่อกิโลเมตร |
ขอขอบคุณ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สำหรับรถยนต์ทดสอบในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com เฟซบุ๊ค Autospinn.Fans ทวิตเตอร์ @Autospinn และอินสตราแกรม @autospinn_ig
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น