ทดลองนั่ง Toyota C-HR Hybrid เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ก่อนเปิดจองใน Motor Expo 2017 สิ้นเดือนนี้ !! Share this

ทดลองนั่ง Toyota C-HR Hybrid เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ก่อนเปิดจองใน Motor Expo 2017 สิ้นเดือนนี้ !!

Wongsupat
โดย Wongsupat
โพสต์เมื่อ 27 November 2560

ทดลองนั่ง Toyota C-HR Hybrid เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ก่อนเปิดจองในงานมอเตอร์เอ็กซโปปีนี้ 2 รุ่น 2 สี แดง-น้ำเงิน

Autospinn ได้รับเชิญจากโตโยต้า ให้ไปทดลองนั่งรถยนต์ Toyota C-HR Hybrid หรือ Test-ride experience ที่ Hyogo สนาม Central Circuit ญี่ปุ่น พร้อมทั้งได้รับฟังการพรีเซนต์นวัตกรรมใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ระบบไฮบริดเจเนอรั่น 4 ซึ่งออกแบบมาใช้กับรถรุ่นใหม่ของโตโยต้าโดยเฉพาะ และได้นำมาผลิตใน Toyota C-HR ซึ่งจะเปิดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.นี้ พร้อมโชว์ 2 รุ่น 2 สี สีแดง สีน้ำเงิน ก่อนเปิดขายจริงในปีหน้าทั้งสองรุ่น คาดว่าจะมีสีให้เลือกถึง 6 สี

นวัตกรรม TNGA ระบบไฮบริดเจเนอรั่น 4 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหลักๆ ในโครงสร้างของรถยนต์ Toyota C-HR Hybrid คือ มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ส่วนประกอบต่างๆถูกปรับให้เล็กลง บางลง และติดตั้งในจุดที่ต่ำ แต่มีประสิทธิภาพในการวิ่งทางตรง สมรรถนะการขับขี่ที่มั่นคง ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก และสร้างสมรรถนะการควบคุมรถสำหรับผู้ขับขี่

ตัวถังรถยนต์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากโครงสร้างที่มีลักษณะของวงกลม ช่วยกระจายแรงกดดันจากการเคลื่อนที่ และการเพิ่มประสิทธิภาพบริเวณจุดเชื่อม การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้นถึง 60% นวัตกรรมดังกล่าวมาพร้อมระบบกันสะเทือนอิสระแบบปีกนกคู่  (Double-wishbone rear suspension)ซึ่งมีหลักการทำงานอย่างอิสระของล้อรถด้านขวาและด้านซ้าย ทำให้เข้าโค้งอย่างมั่นคง

มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งพวงมาลัย แป้นเหยียบ คันเร่ง และ เบรค โดยอิงหลักการยศาสตร์ (Ergonomics)โดยการดูว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของคนขับควรจะอยู่ตรงไหนของรถ ตั้งแต่ตำแหน่งสะโพกจนถึงการจับพวงมาลัย มุมการวางพวงมาลัยนั้นชันกว่าปกติ เพื่อการจับของคนขับอย่างเป็นธรรมชาติ ด้านล่างของกระจกหน้ารถมีการเลื่อนให้ต่ำลง และเสา A-pillar บางยิ่งขึ้น เพื่อทัศนวิสัยที่กว้างขึ้น

ทางโตโยต้าได้ใช้คอนเซ็ปต์ TNGA ออกแบบระบบไฮบริดใหม่ทั้งหมด เพื่อสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน เครื่องยนต์ มีการเผาไหม้พลังงานเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ด้วยการปรับรูปทรงของช่องทางเข้าของอากาศภายนอก รวมถึง ERG หรือการหมุนเวียนไอเสียใหม่ นอกจากนั้น มีการปรับชิ้นส่วนให้ก่อให้เกิดแรงเสียดทานต่ำ ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพความร้อนสูงสุด 40%

สำหรับมอเตอร์ มีการปรับโครงสร้าง rolling-coil ใหม่ในคอยล์จุดระเบิด (segmented distributor coil) ทั้งนี้ โครงสร้างหลักซึ่งเป็นโลหะแบบมีพลังงานแม่เหล็กประกอบกับชุดขดลวดแบบใหม่ช่วยลดการสูญเสียได้มากกว่าเดิมถึง 20%

การออกแบบความยาวของเพลาส่งกำลังใหม่สำหรับมอเตอร์และตัวกำเนิดพลังงานปรับให้สั้นลง 47 มิลลิเมตร  ส่วนเกียร์แกนคู่ขนานใหม่ (parallel axis gear) ที่ใช้ในการลดอัตราความเร็ว  ช่วยลดการสูญเสียเชิงกลถึง 20% ส่วนโครงสร้างการระบายความร้อนและสายไฟแรงสูงออกแบบใหม่ เพื่อลดขนาดของชุดควบคุมการส่งกำลังลงประมาณ 33% ในขณะที่เซมิคอนดักเตอร์ลดการสูญเสียลง 20%

ขั้วไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่และที่วางแบตเตอรี่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการชาร์ตดีขึ้น 28% รวมถึง ช่วยทำให้     ขนาดแบตเตอรี่ลดลง 10% ทั้งนี้ การพัฒนาเส้นทางระบายความร้อนภายในแบตเตอรี ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนดีขึ้นด้วย   แบตเตอรี่ไฮบริดน้ำหนักไม่ถึง 100 กก. เบาและวางตำแหน่งใหม่ใต้เบาะหลังทำให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงและการเข้าโค้งได้ดีขึ้น พร้อมทั้งได้ปรับเปลี่ยนให้รถไฮบริดมีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีกว่ารุ่นที่ 3 มากถึง 25.2 %

สำหรับการทดสอบ Toyota C-HR ในไทย ทางทีมงานโตโยต้าให้ข้อมูลว่า ได้ไปทดสอบสภาพการใช้งานในทุกภูมิภาคมากกว่า 3,000 กม. โดยเฉพาะจุดที่มีความเสี่ยง เช่น การขึ้นดอยอินทนนท์ ซึ่งมีความสูงที่สุด อีกทั้งได้ไปทดสอบการขึ้นดอยอ่างขางที่มีสภาพถนนคดเคี้ยว พร้อมกับปรับชิ้นส่วนบางอย่างให้เหมาะสมและทนกับสภาพของเมืองไทย

"เทคโนโลยีใหม่ของโตโยต้า มีขนาดเบา มอเตอร์ขับเคลื่อนเล็กลง ประหยัดไฟ กินน้ำมัน 20 กม.ต่อลิตร เติมน้ำมันออกเทน 91 และรองรับน้ำมัน E 85 ทดสอบด้วย Power mode /Eco mode สเป็กรถที่จะนำมาขายในไทยมีฮาร์ดแวร์เหมือนญี่ปุ่น ซอฟแวร์บางตัวไม่เหมือน เพราะสภาพภูมิศาสตร์แตกต่างกัน จำเป็นปรับเปลี่ยน ช่วงทดสอบมีคอมเม้นท์ เรื่องช่วงล่าง ระบบเบรคที่ต้องปรับจูนให้เข้ากับสภาพถนนในไทย ขับขึ้นเขา 5คนน้ำเฉลี่ยน้ำหนักคนละประมาณ 75 กก. น้ำมันเต็มถัง 1,400 บาท"

โดยรุ่นรถ Toyota C-HR ที่จะนำเข้ามาให้จองมี 2 รุ่น คือ Toyota C-HR Hybrid และ Toyota C-HR เบนซิน (มีรุ่นย่อยให้เลือก) ขนาด 1.8 ลิตร ราคาเริ่มต้นไม่ถึงล้านบาท

สำหรับการทดสอบนั่งรถยนต์ Toyota C-HR Hybrid ขนาด 1.8 ลิตรที่ญี่ปุ่นมีทั้งการทดสอบนอกสนามและการทดสอบในสนาม Central Circuit โดยมีอินสตรัคเตอร์และนักแข่งรถขับให้นั่ง มีการจัดแบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 2 กลุ่มสลับกันเพื่อทดสอบ ในส่วนของกลุ่ม B ได้ชมการขับรถของนักแข่งในสนาม Central Circuit ก่อนเพื่อดูสมรรถนะการเข้าโค้ง การเกาะถนนฯลฯ ของรถ

การทดสอบการนั่งรอบแรกออกไปทดสอบบนถนนจริง ระยะทางไปกลับ 17 กม. โดยมีสื่อมวลชนนั่งภายในรถยนต์ 3 คน คือตำแหน่งด้านซ้ายมือคนขับ และด้านหลังอีก 2 คน เริ่มตัวจากสนาม Central Circuit โดยการทดสอบนี้ เป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสถานการณ์จริงของรถบนถนนขรุขระ การเพิ่มหรือลดความเร็วในขณะติดสัญญาณไฟจราจร การตรวจสอบฟังก์ชั่นประหยัดเชื้อเพลิง และระบบไฟฟ้าของรถ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีวิ่งในระยะทาง 17 กม. และแวะจุดแวะพัก 10 นาที

ก่อนไปทดสอบประสิทธิภาพของรถ มาสังเกตตำแหน่งของมือจับประตู และที่นั่งด้านหลังสำหรับคนที่สูงประมาณ 150 ซม.หรือต่ำกว่านั้น จะค่อนข้างลำบาก เพราะออกแบบไว้สูง ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไป จุดที่นั่งมีมุมมองไปนอกตัวรถได้แคบ เพราะรูปทรงกระจกหลังได้ออกแบบยกสูง ทำให้มองเห็นนอกตัวรถยาก ต้องเบี่ยงตัวเพื่อมองจากกระจกหน้ารถเท่านั้น ซึ่งปัญหานี้จะไม่กระทบผู้นั่งที่มีความสูง ไม่มีช่องแอร์ด้านหลังรถ ส่วนเก้าอี้และอื่นๆ ยังรองรับได้อย่างสบาย การเคลื่อนตัวออกจากสนามสู่ถนนจริง เครื่องยนต์มีความเงียบ ช่วงวิ่งผ่านถนนขรุขระ รถไม่สะดุด เมื่อมาถึงจุดพักได้มีการสลับที่นั่ง ซึ่งเป็นด้านหลังเช่นเดิม ตำแหน่งซ้าย-ขวา ไม่ได้แตกต่างกัน

หลังจากนั้นเป็นการทดสอบนั่งรถในสนาม Central Circuit ทั้งรอบ 2 และรอบ 3 โดยรอบที่สองจะเป็นการเทสต์นั่งทดสอบเสมือนนั่งรถขึ้นทางด่วน 2 รอบ ส่วนรอบที่สาม เป็นเสมือนสนามแข่งรถ ผู้นั่งเทสต์จำเป็นต้องใส่หมวกกันน็อคในการทดสอบ ทั้งนี้การทดสอบรอบสองในสนาม Central Circuit จะจำกัดความเร็วของรอบการทดสอบ โดยรอบแรกอินสตรัคเตอร์จะจำกัดความเร็ว 80 กม.ต่อชม. ความเร็วรอบสอง 100 กม.ต่อชม. ซึ่งขอสรุปในรอบ 2 และ 3 ไปพร้อมกัน เพราะสนามเดิมระยะทางประมาณ 2.8 กม. แต่เพิ่มเติมคือความเร็ว

การทดสอบในรอบ 2 และ 3 สื่อมวลชนจะประจำรถคนละคัน ในตำแหน่งด้านซ้ายคู่กับคนขับ ทำให้มุมมองหน้ารถกว้าง หากสังเกตที่กระจกด้านหน้า A-pillar ออกแบบมาให้เล็ก เพิ่มมุมมองการขับขี่กว้างขึ้นและไม่มีจุดบอดการขับขี่ง่ายและปลอดภัย หน้าจอเนวิเกเตอร์จะทำมุมหันหน้าไปทางคนขับทำให้คนขับสามารถขับขี่และมองเนวิเกเตอร์ได้ง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากกระจกหน้า ขณะที่คนนั่งก็ไม่ต้องห่วงที่จะต้องช่วยดูเนวิเกเตอร์

ระหว่างการออกตัวจะใช้อีวีโหมด เสียงจะเงียบเป็นลักษณะพิเศษของรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์จะสตาร์และเร่งความเร็วที่ 50 กม.ต่อชม. ในการเหยียบได้ออกแบบคันเร่งและคันเบรคให้ทำมุมเหมาะกับคนขับสามารถขับขี่ได้ง่าย และแรงต้านจากการเหยียบเฮดเดิล ทำให้รถเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มาทางด้านคนนั่งเหมาะสม นั่งสบายเก้าอี้และเบาะรองรับหลังได้ดี ไม่อึดอัดเหมือนนั่งหลังรถ

ในสนามทดสอบคนขับจะบอกว่าถึงจุดไหน แต่ละจุดเป็นอย่างไร เมื่อรถเคลื่อนตัวมาระยะหนึ่ง ถึงจุดเข้าโค้งของสนามหรือจุดที่ 2 เครื่องยนต์ทำงานคู่มอเตอร์ทำให้คนนั่งรู้ว่ามีอัตราการเร่ง คนขับเหยียบเบรคแต่ไม่ได้ทำให้รถสะดุด

จุดที่ 3 ของสนามเข้าสู่ทางเลี้ยว เบาะกระชับแผ่นหลังสามารถทำให้นั่งได้มีเสถียรภาพมากขึ้น C-HR ออกแบบทั้งบอดี้และซัสเปนชันเหมือนพรีอุส แม้มีการหักพวงมาลัยอย่าางต่อเนื่องแต่คนขับสามารถบังคับรถได้อย่างดี

จุดที่ 4 โค้งสุดท้ายเป็นการตั้งกรวยเพื่อบีบถนนให้แคบ คนนั่งจะสัมผัสได้ถึงไลน์เทสต์ของรถได้ เนื่องจากแบตเตอรี่ไฮบริดอยู่ตรงที่นั่งของเบาะหลัง ทำให้บาลานซ์รถดีทั้งหน้าหลัง แม้จะมีการหักเลี้ยวและจะทำให้รู้สึกได้ถึงการเกาะถนน ห้องโดยสารรถยนต์ถูกออกแบบให้ป้องกันเสียง ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงเครื่องหรือเสียงลมจากข้างนอกมากนัก

เบรคเฮดเดิล ทำให้สามารถคอนโทรลรถได้ แม้ว่าเป็นผู้นั่งจะรู้สึกได้ว่าผู้ขับคอนโทรลรถได้ นอกจากคนขับๆ ง่าย คนที่นั่งก็จะเมารถยาก พวงมาลัยเพาเวอร์ถูกเซ็ตมาให้บังคับได้อย่างมั่นใจ แม้จะเป็นโค้งแคบแต่คนขับสามารถขับได้อย่างมั่นใจ ขณะที่คนนั่งก็นั่งรถได้อย่างสบายใจ ใครสนใจ รถยนต์ Toyota C-HR Hybrid และ รถยนต์ Toyota C-HR เบนซินได้ในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป ได้

รูปประกอบบางส่วนนำมาจากเว็บไซด์ toyota.jp/c-hr/

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่  

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ