บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พาสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งยิ่งใหญ่ ยกทัพ ยนตรกรรมพรีเมียมจากบีเอ็มดับเบิลยูจากหลากหลายซีรี่ส์มาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์ BMW Fleet Review 2018 ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี สัมผัสการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 4 ความสง่างามเหนือระดับของบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 และ 6 ความทรงพลังท้าทายขีดจำกัดจากบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล M ความคล่องตัวแม่นยำในทุกสภาวะการขับขี่จากบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X หรือแม้กระทั่งนวัตกรรมการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดแห่งโลกอนาคตอย่างเทคโนโลยี BMW ConnectedDrive
อนาคตกับบีเอ็มดับเบิลยู ได้เปิดตัว BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริการ BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance จะเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone โดยฟีเจอร์พิเศษสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด ได้แก่
* การแสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ ทุกเวลา
* การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล ผู้ใช้งานสามารถเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้าให้ตรงกับเวลาที่ต้องการออกเดินทาง และหากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ
* ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย
* การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน
นอกจากฟีเจอร์สำหรับการใช้งานกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance แล้ว BMW ConnectedDrive ยังมาพร้อมฟีเจอร์อีกมากมายเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดแบบครบวงจร ระหว่างผู้ขับ ยานยนต์ และโลกภายนอก โดยมีบริการพื้นฐานได้แก่ BMW Teleservices บริการที่ช่วยจัดการนัดหมายอัตโนมัติ โดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจะสามารถรับรู้กำหนดของการบริการตามสภาพ (CBS) และทำการแชร์ข้อมูลของรถยนต์กับศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูที่คุณต้องการโดยอัตโนมัติ หรือผู้ขับขี่สามารถทำการติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยตนเองผ่าน BMW Teleservice Call ในเมนู iDrive เพื่อนัดหมายการรับบริการล่วงหน้า พร้อมด้วย BMW Teleservice Battery Guard บริการที่คอยตรวจสอบระดับแบตเตอรี่และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยการส่งข้อความ SMS หรืออีเมล หากระดับพลังงานในแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่าระดับมาตรฐาน และหากระดับพลังงานในแบตเตอรี่ต่ำกว่าจุดที่วิกฤต ศูนย์บริการจะได้รับการแจ้งให้ทราบโดยอัตโนมัติ เพื่อดำเนินการนัดหมายกับลูกค้าเพื่อเข้ารับบริการได้
และอีกหนึ่งบริการพื้นฐานของ BMW ConnectedDrive คือ Intelligent Emergency Call ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินของบีเอ็มดับเบิลยูทางโทรศัพท์เพียงแค่กดปุ่ม SOS ซึ่งสามารถรองรับการบริการได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบเซ็นเซอร์การชนจะส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งพิกัดรถ หมายเลขตัวถัง ชนิดของการชน สถานะของถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัย ไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติเพื่อการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ผู้ใช้งาน BMW ConnectedDrive สามารถเลือกเพิ่มบริการและแอพพลิเคชั่นตามความต้องการของตนได้ ผ่าน BMW ConnectedDrive Store โดยมีบริการและแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ดังนี้
* Concierge Services: ที่สุดของการบริการกับผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นไดเรกทอรีเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ที่น่าสนใจ เวลาเปิดทำการของสถาบันทางวัฒนธรรม ข้อมูลเที่ยวบิน การแนะนำร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายยา สนามกอล์ฟ หรือธนาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยผู้ใช้งานสามารถโอนย้ายที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ไปยังระบบนำทางของรถได้โดยตรงพร้อมแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการผ่านระบบนำทางภายในรถในทันที ผ่านซิมการ์ดที่ถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์
* Apple CarPlay Support1: เข้าถึงฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นโปรดใน iPhone จากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth ไม่ว่าจะฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือการใช้งานแผนที่ Apple Map, iMessage และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จาก iPhone ผ่านการสัมผัสหน้าจอ Control Display ระบบควบคุม iDrive หรือระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
* ระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจรจาก Real-Time Traffic Information (RTTI) ที่สามารถแสดงข้อมูลสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที เพื่อแนะนำเส้นทางไปยังจุดหมายที่รวดเร็วที่สุด พร้อมแสดงสภาพอากาศบนแต่ละเส้นทาง ผ่านทั้งระบบนำทางภายในรถและแอพพลิเคชั่น BMW Connected
* Web Radio: ฟังเพลงโปรดผ่านวิทยุออนไลน์กว่าหมื่นสถานีจากทั่วโลก หรือเลือกฟังเพลงจากสถานีวิทยุส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ตอย่าง Spotify ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
* BMW Online: ติดตามข้อมูลข่าวสารและสภาพอากาศล่าสุดจาก RSS feed และข้อมูลสภาพอากาศประจำวันโดยละเอียด รวมถึงพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 4 วัน และยังมีบริการ Online Search ที่สามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่าง ๆ และส่งข้อมูลไปยังระบบนำทางในรถโดยอัตโนมัติ
* Remote Services: เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของรถยนต์ เช่น ระยะทางหรือสถานะของหน้าต่างและประตูจากแอพพลิเคชั่น BMW Connected บนโทรศัพท์ หรือเว็บไซต์ BMW ConnectedDrive ซึ่งบริการนี้ยังสามารถควบคุมระบบปรับอากาศและระบบไฟจากระยะไกลได้
และเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นในทุกที่และทุกเวลา ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อบริการ BMW ConnectedDrive เข้ากับแอพพลิเคชั่น BMW Connected เพื่อใช้งานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ บีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทาง iPhone หรือ Apple Watch ซึ่ง BMW Connected มาพร้อมบริการที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน ได้แก่
* BMW Connected Send To Car: ส่งข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ทางอินเตอร์เน็ตหรือสมาร์ทโฟน หรือข้อมูลนัดหมายการประชุมจากปฏิทิน ไปยังระบบนำทางในรถยนต์ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
* Time-To-Leave Notification: แอพพลิเคชั่น BMW Connected จะแจ้งเตือนเวลาที่ควรออกเดินทางผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะเดินทางถึงที่หมายได้ทันเวลา โดยระบบจะคำนวณเวลาในการเดินทางจากตำแหน่งของรถและสภาพการจราจรในช่วงเวลานั้น
* BMW Connected Remote 3D View2: แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถที่จอดอยู่ด้วยภาพสามมิติ โดยสามารถเลือกมุมมองต่าง ๆ ได้ผ่านทาง iPhone
รถที่ใช้ในการทดลองขับ
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ได้รับการออกแบบเพื่อสุนทรียะในการขับขี่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัวเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 7.2 วินาที ด้วยความเร็วสุงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Sport รอบคันและช่วงล่าง M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ยังมาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Star-spoke ขอบหน้าต่างภายนอกตกแต่งด้วย Black high-gloss รับกันอย่างลงตัวกับ หลังคาภายในสีดำ Anthracite ตัดกับอะลูมิเนียมลาย Hexagon พร้อมแถบสีดำเงา และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแท้ดีไซน์ M อำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) เซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เป็นนวัตกรรมที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo สามารถส่งกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์ / 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อให้ขับขี่ ได้สนุก ทันใจ โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในโหมดไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมมอบกำลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 147 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วแบบ double-spoke และขอบหน้าต่างสีดำเงาจากชุดแต่ง BMW Individual หลังคาภายในตกแต่งอย่างสวยงามลงตัวด้วยวัสดุสีดำ anthracite จาก BMW Individual พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจาก Harman Kardon
บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport เปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล BMW TwinPower Turbo 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร
ภายในของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้มาพร้อมกับห้องโดยสารที่เอื้อต่อผู้ขับขี่และการตกแต่งด้วย fine-wood trim ในสี poplar grain grey พร้อมด้วย highlight trim finisher สีโครเมียมมุก ที่เข้าคู่อย่างสมมบูรณ์แบบกับพวงมาลัยและเบาะหนัง พร้อมระบบ BMW Gesture Control และหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่ช่วยให้การควบคุมระบบความบันเทิงและฟังกชั่นโทรศัพท์แบบมาตรฐานเป็นไปอย่างง่ายดายและชาญฉลาด
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 290 นิวตันเมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์ / 133 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังรวมสูงสุดถึง 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุดกว่า 420 นิวตันเมตร ด้านอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 41 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากโหมด SPORT, COMFORT และ ECO PRO ผู้ขับขี่สามารถใช้ eDrive เพื่อเปิดการใช้งานระบบ BMW eDrive ซึ่งช่วยให้ทุกการเดินทางแม่นยำมากขึ้นด้วยอีก 3 โหมดเพิ่มเติม คือ AUTO eDRIVE, MAX eDRIVE และ BATTERY CONTROL และยังมาพร้อมระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งนอกจากจะควบคุมโดยปุ่ม iDrive Controller ยังสามารถสั่งการด้วยการกดปุ่มบนหน้าจอ หรือด้วยระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) อีกด้วย และระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW Gesture Control)
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport อวดความปราดเปรียวด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วลาย Double-Spoke ระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-Up Display) หลังคากระจกเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ขอบหน้าต่างภายนอกตกแต่งแบบ BMW Individual high-gloss พร้อมชุดตกแต่งภายนอก M Aerodynamics
บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport จึงมีน้ำหนักลดลงจาก บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 GT รุ่นก่อนหน้าราว 150 กิโลกรัม ด้วยการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา และการเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้าคุณภาพสูงในส่วนโครงสร้างตัวรถและแชสซี ซึ่งเมื่อนำไปผสมผสานกับคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport มีสมรรถนะสไตล์สปอร์ตที่เปี่ยมพลังกว่าที่เคย ทั้งยังประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบที่เป็นหัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport เสริมกำลังด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ล้ำสมัย ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic มอบพละกำลังสูงสุดที่ 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า พร้อมให้แรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร และ 149 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
บีเอ็มดับเบิลยู X2 ที่มาพร้อมรูปทรงโฉบเฉี่ยวและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต คูเป้เข้ากับความแข็งแกร่งทรงพลังในแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X โดยเป็นครั้งแรกที่กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มีรูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน สร้างมิติให้รถดูกว้างและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตอกย้ำความสปอร์ตด้วยช่องดักอากาศลวดลายหกเหลี่ยม นอกจากนี้ บีเอ็ม ดับเบิลยู X2 ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล X ที่มีตราของบีเอ็มดับเบิลยูประดับอยู่บนเสา C-pillar ทั้งสองข้าง ในดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูระดับตำนานอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 2000 CS และ บีเอ็มดับเบิลยู 3.0 CSL
บีเอ็มดับเบิลยู X2 มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน M Sport X สร้างความสะดุดตาด้วยสเกิร์ตและซุ้มล้อสี Frozen Grey ตัดกับสีตัวถังอย่างลงตัว สร้างมิติความกว้าง และย้ำถึงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่ง ท่อไอเสียแบบคู่ยัง สื่อถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ในขณะที่ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ในสไตล์ M ขนาด 19 นิ้ว สะกดทุกสายตาด้วยเฟรมรอบซุ้มล้อรูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ในสี Frozen Grey เช่นกัน
บีเอ็มดับเบิลยู X2 sDrive20i M Sport X ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัวเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic คลัตช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X2 คือหลังคากระจกแบบ Panorama สองส่วน ส่วนหน้าสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สร้างความรู้สึกโล่งโปร่งสะดวกสบายด้วยแสงสว่างที่เพียงพอภายในรถ พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ รวมถึงหน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ (BMW Head-Up Display) วิทยุพร้อมการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม ส่วนพื้นที่เก็บของที่มีความจุสูงสุด 470 ลิตร ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู X2 สร้างความพึงพอใจและสะดวกสบายในทุกการขับขี่ของชีวิตประจำวัน
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ยังคงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งบนท้องถนนและลุคสปอร์ต ปราดเปรียวไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความสะดุดตาด้วยชุดตกแต่งรอบคันดีไซน์ M Aerodynamics และขอบหน้าต่างสีดำเงา ภายในรถตกแต่งด้วย Aluminium Rhombicle trim finishers ตัดกับ Pearl Chrome พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ และยังเสริมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วย นำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และกล้องมองหลัง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำในทุกเส้นทาง
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ยังมาพร้อมช่วงล่าง M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลือง น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport มาพร้อมปุ่มควบคุม iDrive และสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control ที่สามารถควบคุมระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ และการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานโดยใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวันแทนที่การใช้ชุดคำสั่งที่กำหนดมา นอกจากนี้ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังสามารถเพลิดเพลินกับระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ยังมาพร้อมระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) ทำให้การจอดรถง่ายดายขึ้นด้วยระบบอัลตร้าโซนิคเซ็นเซอร์ (ultrasonic sensors) สามารถช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสม โดยเมื่อพบจุดจอดแล้ว ระบบจะทำการจอดรถเองทั้งหมด
บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe เป็นยนตรกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ มาพร้อม ขุมกำลัง BMW M TwinPower Turbo 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 465 นิวตัวเมตร ที่ 1,400 – 5,560 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 4.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควบคุมด้วยเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ตอบสนองการขับขี่แบบรถแข่งได้ในทุกจังหวะและย่านความเร็ว
บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยกันชนหน้า ที่ใหญ่และดุดัน พร้อมกระจังหน้าในแบบเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูล M และล้อขนาดใหญ่ 19 นิ้ว M Double Spoke และโดดเด่นด้วยท่อไอเสียคู่แยกออก 2 ทาง มาพร้อม Adaptive LED หรือระบบ ไฟหน้า LED อัจฉริยะปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย กระจกซันรูฟ กล้องและเซ็นเซอร์ด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารหรูหราปราดเปรียวด้วยโทนสีดำ พร้อมการดีไซน์ที่
ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งหลังคาภายในสี Anthracite พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแบบ M และเบาะหนังประทับตราสัญลักษณ์อักษร M มอบความรู้สึกแบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมีระบบ BMW Apps ที่รองรับการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น M Laptimer ที่ช่วยบันทึกและวิเคราะห์การขับขี่ พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ หรือ GoPro สำหรับการควบคุมกล้องวิดีโอทั้งภายในและภายนอกตัวรถ และเพลิดเพลินไปกับระบบเสียงไฮไฟ Harman Kardon
บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ M ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับ รถยนต์สไตล์สปอร์ตตระกูล M ที่มีเครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญ โดยเครื่องยนต์เบนซิน BMW M TwinPower Turbo 6 สูบในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ใช้ชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ สามารถส่งกำลังสูงสุด ได้ถึง 431 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรที่ 1,850 – 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่าแรงบิดสูงสุด ของรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M3 ประมาณ 40% แม้จะมาพร้อมสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น แต่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ยังประสบความสำเร็จในการลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อย มลพิษได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เฉลี่ย 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชท์คู่ M 7 สปีด
หัวใจแห่งความสำเร็จของสมรรถภาพทรงพลังสูงสุดและประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมเกิดขึ้นจากการลดน้ำหนัก ของตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80 กิโลกรัม และด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงน้ำหนักที่เบานี้เอง ส่งผลให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe นี้สร้างมาตรฐานใหม่ของคอนเซ็ปต์โดยรวม และการตอบสนองที่แม่นยำและความคล่องตัว ด้วยดีไซน์อัจฉริยะที่คัดเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบา โดยใช้วัสดุเสริมใยคาร์บอน (CFRP) และอะลูมิเนียมมาเป็นส่วนประกอบของโครงแชสซีและตัวถัง
นอกจากนี้ หลังคาของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ยังสร้างจากวัสดุเสริมใยคาร์บอนทั้งหมด ภายใน ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe โฉบเฉี่ยวในดีไซน์สปอร์ต ด้วยพวงมาลัยและเบาะที่นั่งแบบ M Sport บุหนังแท้ Merino เสริมความหรูหราด้วยการตกแต่งอะลูมิเนียมลาย Blade พร้อมแถบโครเมียมสีดำ มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน ม่านบังแดดกระจกหลังไฟฟ้า และสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-Up Display ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟน
สรุปในการทดสอบแบบสั้นๆ ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี ถือว่าเป็นแบบ วันเดียวจบแต่ก็ได้สัมผัสรถ บีเอ็มดับเบิลยูในหลากหลายรุ่น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในแบบฉบับของแต่ละ รุ่น ถ้าคุณเป็นคนขับรถเร็วต้องการความแตก คุณก็ต้องคบกับ M sport เพราะมันจะสร้างความแตกต่างให้คุณไม่มากก็น้อย ถ้าคุณรักในการเดินทางก็จะต้องมองหา กลุ่มX เพื่อการเดินทางที่สนุกสนานในทุกเส้นทาง แต่ถ้ามีใจรักในรถแข่ง คุณควรมองหา M2,M4 เพราะมันสามารถลงสนามแข่งได้เลย ถ้าคุณไม่สัมผัสแล้วจะติดใจ โดยรวมๆทาง บีเอ็มดับเบิลยู ได้ว่าตำแหน่งออกอย่างจัดเจน เพื่อให้ตรงกลุ่มผู้ใช้งานจริงๆ
* บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ราคาจำหน่าย: 2,459,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ราคาจำหน่าย: 2,759,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ราคาจำหน่าย: 4,259,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport ราคาจำหน่าย: 3,439,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ราคาจำหน่าย: 3,939,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ราคาจำหน่าย: 4,739,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู X2 sDrive20i M Sport X ราคาจำหน่าย: 2,999,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ราคาจำหน่าย: 3,799,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ราคาจำหน่าย: 5,939,000 บาท
* บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ราคาจำหน่าย: 8,909,000 บาท
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คแกจบำรุงรักษา BSI Standard)
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น