Kawasaki เปิดตัวรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการอัพเกรด เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของเจ้ารุ่นเดิม กับ All new Kawasaki Versys 1000 ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกหลายจุด รวมถึงอัพเดทเทคโนโลยีการขับขี่ใหม่ๆ เข้าไปให้เข้ายุคสมัย
เป็นเวลามานานกว่า 4 ปีแล้ว ที่ Kawasaki Versys 1000 มิได้มีการเปลี่ยนโฉมใหม่แต่อย่างใด ในปีหน้านี้เอง Kawasaki ได้ถือโอกาสปรับโฉมของเจ้า Versys 1000 เสียใหม่ด้วยไฟหน้าแบบ LED หน้าตาดูคล้ายคลึงกับ Ninja 400, ZX-6R เป๊ะๆ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,043 ซีซี พร้อมอัดลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเติมจากรุ่นเดิมอีกมากมาย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันทีละอย่างครับ
ระบบช่วงล่างไฟฟ้า KECS
ในรถจักรยานยนต์ Kawasaki Versys 1000 รุ่น SE นั้น จะมาพร้อมกับช่วงล่างปรับได้ด้วยไฟฟ้า แบบเดียวกับ Ninja ZX-10R SE เลยทีเดียว โดยเจ้าระบบ KECS นี้จะทำการปรับเปลี่ยนการทำงานตลอดการขับขี่ตามสภาพถนนที่ขับขี่อยู่ ซึ่งเจ้าช่วงล่างนี้นอกจากสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของช่วงล่างได้ด้วยไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเซ็ตอัพช่วงล่างให้เหมาะกับการบรรทุกได้อีก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
- ผู้ขับขี่คนเดียว
- ผู้ขับขี่คนเดียว + สัมภาระ
- ผู้ขับขี่กับคนซ้อน + สัมภาระ
ระบบควบคุมรถในโค้ง KCMF
ระบบควบคุมรถในโค้ง หรือ Kawasaki Cornering Management Function เป็นส่วนที่ทำให้ตัวรถคันนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยตัวรถได้ทำการติดตั้งเซ็นเซอร์ IMU จาก Bosch ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจจับการเอียงของรถ โดยจะวัดองศาการเอียงของรถตั้งแต่เข้าโค้งจนเปิดคันเร่งออกจากโค้ง โดยตัวเซ็นเซอร์นี้จะส่งสัญญาณไปยังกล่องควบคุมว่าในขณะขับขี่นี้ได้เปิดคันเร่งเพียงพอหรือมากเกินความปลอดภัยหรือไม่, ควบคุมกรณีเบรคในโค้งไม่ให้เกิดความรุนแรงอันส่งผลไปสู่อุบัติเหตุ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นออปชั่นที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
ควิกชิพเตอร์ KQS
ใน Versys 1000 โฉมใหม่นี้ เสริมความสปอร์ตเข้าไปอีกขั้นหนึ่งด้วยระบบ KQS หรือควิกชิพเตอร์ เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำลัช ทำให้การขับขี่รถนั้นง่ายขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก
ไฟส่องนำทางในโค้ง LED Cornering Lights
โหมดขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Sport, Road, Rain, Rider (manual) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT โดยสามารถนำโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับตัวรถผ่านแอป “RIDEOLOGY THE APP”
นอกจากออปชั่นด้านบนแล้ว ยังมาพร้อมกับออปชั่นสำหรับการขับขี่ที่ทำให้การขี่รถนั้นง่ายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบล็อกความเร็ว (Cruise Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Kawasaki Traction Control
- สลิปเปอร์คลัช
- กริปมืออุ่น
- ชิวหน้าปรับระดับได้
- ช่องชาร์จแบต
ข้อมูลทางเทคนิค
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ | 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,043 ซีซี |
กำลังสูงสุด | 120 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 102 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบ/นาที |
ความเร็วสูงสุด | มากกว่า 200 กม/ชม. |
อัตราสิ้นเปลืองต่อ 100 กม. | 5.5 ลิตร (บนมาตรฐาน WMTC) |
มิติรถ / น้ำหนัก
กว้าง x ยาว x สูง | 950 x 2,270 x 1,490 มม. |
คาวมสูงเบาะ |
840 มม. |
ความสูงจากพื้น | 150 มมใ |
น้ำหนักตัวพร้อมใช้งาน (น้ำมันเต็มถัง) |
257 กิโลกรัม |
ความจุถังน้ำมัน | 21 ลิตร |
ถังน้ำมันสำรอง | 3.5 ลิตร |
เฟรม / ช่วงล่าง
เฟรม | ท่ออลูมิเนียมคู่ |
โช๊คหน้า |
USD ขนาดแกน 43 มม. ระยะยุบ 150 มม. พร้อมระบบปรับแต่งด้วยไฟฟ้า |
โช๊คหลัง |
โช๊คหลังสปริงเดี่ยวระยะยุบ 152 มม. พร้อมระบบปรับแต่งด้วยไฟฟ้า |
ระยะฐานล้อ | 1,520 มม. |
ล้อ | ล้อแม็กอลูมิเนียม |
เบรคหน้า |
ดิสเบรคคู่ ขนาด 310 มม. พร้อมปั้มเบรค 4 พอต |
เบรคหลัง | ดิสเบรคเดี่ยว ขนาด 250 มม. พร้อมปั้มเบรค 1 พอต |
สำหรับสีที่ได้เปิดตัวออกมานั้นมีทั้งหมด 4 สีด้วยกัน ได้แก่สีเขียว, สีดำ, สีขาว และสีส้ม โดยการเปิดตัวในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนนัก แต่คาดว่าจะอยู่ในงาน Motor Expo 2018 ปลายเดือนนี้
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น