MG กับการทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง การเติบโตที่ผ่านมาในระยะเวลา 5 ปี ยอดขายรวมกว่า50,000 คัน และอีกครั้งกับการรุกตลาดรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรุ่น MG V80 รถตู้ ภายใต้แบรน์ mg น้องใหม่ พบกันในงานพร้อมเปิดราคาที่งาน มอเตอร์โชว์ 2019 วันที่ 27มีนาคม – 10 เมษายน
MG V80 Passenger Van 11 ที่นั่ง โดยหน้าตาจะคล้ายแบรนด์ Maxus ซึ่งเป็นพี่น้องกันแต่ทาง mg ได้นำมาปรับโฉม ใหม่ทั้งดีไซน์ภายนอกมีความเป็นเหลี่ยมสมส่วนตามสไตล์ยุโรป ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ แนวตั้งพร้อมไฟหรี่ LED ในโคมไฟหน้า กระจังหน้าแนวนอนใหม่ 3 ชั้น สดุดตากับโลโก้ขนาดใหญ่ MG กันชนหน้าใหม่พร้อมไฟตัดหมอกเป็นออพชั่นมาตรฐานล้ออัลลอย 5 ก้านคู่สีเงินขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/75 R16 กระจกมองข้างขนาดใหญ่พร้อมไฟเลี้ยวในตัวสามารถมองเห็นได้อย่างมั่นใจ ประตูสไลด์ 2 ข้าง สิ่งพิเศษคือ เมื่อเปิดประตูทุกครั้งจะมีบันไดข้างไฟฟ้ายืนออกมาเพื่อขึ้นลงได้สดวกยิ่งขึ้น
ตัวรถมีขนาดใหญ่โตใกล้เคียงกับคู่แข่งด้วยความยาว 4,950 มม. ความกว้าง 1,998 มม. ความสูง 2,132 มม. ฐานล้อ 3,100 มม. ภายในห้องโดยสารตั้งแต่ตอน 2 เป็นต้นไป ความยาวภายใน 2,550 มม. ความกว้างภายใน 1,770 มม. และความสูงภายใน 1,505 มม. และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายใน ด้วยตัวรถที่มีการออกแบบให้เครื่องยนต์วางด้านหน้าไม่ได้นั่งบนเครื่องยนต์แบบรถตู้ ขับเคลื่อนล้อหน้าทำให้ พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางมากยิ่งขึ้น สามารถเดินได้ทั่วทั้งรถตั้งแต่คนขับถึงประตูหลัง และด้วยหลังคาที่มีความสูงทำให้ผู้โดยสารภายในรถไม่รู้สึกอึดอัด แต่แอร์ที่อยู่ด้านหลังอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ใหญ่อยู่บ้าง มาตรวัดความเร็วรอบเครื่องอยู่ตรงกลางคอนโซลหน้า เครื่องเล่นวิทยุ MP3 1 DIN 2 ลำโพงพร้อมฟังก์ชั่น Bluetooth รับโทรศัพท์ เครื่องปรับอากาศแยกส่วน หน้า-หลังและคอนโซลเกียร์ที่มาอยู่ในคอนโซลกลางที่หยิบจับใช้งานได้สะดวก
เครื่องยนต์ สำหรับ MG V80 ดีเซลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ Common Rail จาก VM Motori Eco-D รหัส R425 2.5 ลิตร ให้กำลังถึง 136 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 330 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์กึ่งอัตโนมัติ AMT 6 สปีด
และในครั้งนี้ MG ได้จัดการทดสอบแบบง่ายๆเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ V80 ว่าเป็นอย่างไรบ้างกับการเดินทาง กรุงเทพฯ-บางแสน และผู้ร่วมทริป 9 คน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือตัวรถที่ค่อนข้างสูงทำให้มุมมองในการขับขี่ที่ดี ออกจากศูนย์ mg เกียร์ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกเพราะถ้าใครหลายคนได้สัมผัสกับ MG3 รุ่นแรก มาแล้วคงจะเข้าใจในระบบ เกียร์เซเลเมติกหรือที่เรียกอีกอย่างว่า กี่งธรรมดากึ่งอัตโนมัติ หลายคนอาจจะไม่ชอบและ v80 ก็นำมาใช้แต่เมื่อมาประกบกับเครื่องยนต์ ดีเซล พร้อมกับตัวรถที่มีขนาดใหญ่ กับให้ความรู้สึกที่มีความพอดีและถ้าชินกับการขับขี่ยิ่งสนุกอาการหัวโยก เรียกว่าไม่มีเลย ขับออกจากในเมืองมาเส้นมอเตอร์เวย์ น่าประทับใจกับช่วงล่าง ผู้โดยสาร 9 คน วิ่งผ่านคอสะพานคนนั่งหลับได้ เรียกว่าสอบผ่านดีกว่าหลายค่ายกันเลย ความเร็วในการวิ่ง 90km รอบเครื่องอยู่ประมาณ 1,800 รอบ การเก็บเสียง ถ้าเกิน 110km ขึ้นไปเสียงลมเข้าตัวรถ อาจจะด้วยตัวรถที่เป็นทรงเหลี่ยม มีการต้านลมค่อนข้างมาก การเร่งแซงถือว่าทำได้ดีแต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือคุณต้องคุ้นเคยกับเกียร์เสียก่อน ถ้าคุ้นเคยแล้วจะทำให้ขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน
ขากลับทีมงานได้ทดลองนั่งแถวหลังท้ายสุดเพื่อดูอาการว่าจะกระเด้งหรือไม่ สำหรับช่วงล่าง v80 ด้านหน้าแบบอิสระแม็คเพอร์สันสตรัทส่วนหลังเป็นแบบแหนบลีฟสปริง พร้อมโช้คอัพแก็สขนาดใหญ่เรียกว่าทำการเซ็ตช่วงล่างออกมาได้ดีเพราะรถตู้โดยส่วนใหญ่เป็นที่รู้กันว่านั่งเบาะหลังจะมีอาการกระเด้งจากช่วงล่างมากตามคอสะพาน แต่ v80 นั้นทำได้ดีอาการเด้งน้อยมากทำให้นั่งในระยะทางไกลแล้วไม่เหนื่อย เรียกว่าเป็นจุดแข็งก็ว่าได้ และข้อดีอีกอย่างคือประตูท้ายที่เปิดแบบตู้กับข้าวนั้นทำให้ใช้งานได้ง่ายเรียกว่าถ้าเป็นผู้หญิงใช้ก็เปิดปิดได้สะดวกสบาย
สุดท้ายสำหรับ MG V80 ที่เรียกว่า(Passenger Van) 11 ที่นั่งนั้น กับการทดสอบเล็กๆก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่หน้าสนใจสำหรับตลาดนี้เรียกว่ามีจุดเด่นคือการขับขี่ที่ให้ความเชื่อมั่นแบบยุโรป ส่วนในเรื่องของภายในนั้นรถตู้ส่วนใหญ่ จะนำไปตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของ แต่ในตลาดการแข่งขันก็มีเจ้าตลาดอยู่ไม่กี่แบรนด์ ถ้าจะสู้ก็คงต้องสู้ด้วยราคาเพราะ mg ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคมากขึ้นแล้วเราก็ต้องมารอลุ้นกันว่าราคาจะเปิดที่เท่าไหร่ ซึ่งจะเฉลยในงาน Bangkok Motor Show 2019
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น