ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของรถยนต์เพิ่มมากขึ้น นอกจากการคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ต้องมีถุงลมเสริมความปลอดภัยด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะมีแค่ตอนหน้าของคนขับ แต่ปัจจุบันได้เพิ่มจนครบทุกที่นั่งของผู้โดยสารในรถยนต์แล้ว
ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัยนั้นหลักๆ เลยคือช่วยลดแรงกระแทกของผู้โดยสารกับตัวรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันการบาดเจ็บแบบ 100% ในปัจจุบันถุงลมเสริมความปลอดภัยนั้นมีหลายแบบ หลายตำแหน่ง เพื่อให้ครอบคลุมทุกตำแหน่งที่นั่งของผู้โดยสาร ถุงลมเสริมความปลอดภัยจะซ่อนอยู่ภายใต้โครงสร้างรถยนต์ซึ่งจะทำงานก็ต่อเมื่อเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านข้าง ด้านข้าง และใต้เท้า
และเมื่อไม่นานมานี้ ที่ประเทศมาเลเซีย มีผู้เสียชีวิตจำนวน 7 รายเนื่องจากมีถุงลมเสริมความปลอดภัยที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการสร้างแรงดันที่สูงผิดปกติจนชิ้นส่วนในถุงลมฯ แตกออก ทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผลกระทบดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก จำนวน 24 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 300 รายทั่วโลก แต่โชคดีที่ว่ายังไม่เกิดเรื่องน่าเศร้านี้ในไทย
ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเกิดจากผู้ผลิตชิ้นส่วนทาคาตะ ใช้สารสร้างแรงขับดันที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสารนี้จะมีความเสื่ยงมากขึ้น จากปัจจัยของอุณหภูมิและความชื้น สามารถเกิดระเบิดขึ้นในแบบที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การระเบิดดังกล่าวส่งผลให้มีสะเก็ดชิ้นส่วนที่หลุดออกมาพุ่งเข้าใส่ผู้โดยสารภายในรถและได้รับอันตรายขึ้นได้ โดยรถยนต์ที่มีอายุมากจะยิ่งมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น
ดังนั้นค่ายผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายได้ประกาศการรีคอลหรือการเรียกรถยนต์เข้ามาตรวจสอบถึงสภาพของถุงลมเสริมความปลอดภัยที่ไม่ได้มาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตระดับโลกเนื่องจากเป็นโรงงานที่ผลิตถุงลมเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายค่าย
ซึ่งโดยปกติสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ แล้ว ถ้ามีเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นกับถุงลมเสริมความปลอดภัยจะมีสัญญาณแจ้งเตือนขึ้นที่หน้าปัดด้านหน้าตัวรถ ผู้ใช้รถควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กโดยด่วน เพราะมันแสดงว่าถุงลมเสริมความปลอดภัยกำลังมีปัญหา หากมีอุบัติเหตุถุงลมเสริมความปลอดภัยอาจจะทำงานไม่ปกติหรือไม่ทำงานเลย ทำให้คุณเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และถ้าหากไม่มีสัญญาณผู้ขับขี่จะไม่รู้ตัวเลยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น นั่นก็คือสิ่งที่อันตรายเช่นเดียวกัน
สำหรับประเทศไทย รถยนต์ที่เข้าข่ายจำเป็นต้องเปลี่ยนถุงลมเสริมความปลอดภัยมีจำนวนมากถึง 1.5 ล้านคัน และปัญหานี้ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น หากเป็นรถยนต์ที่ใช้งานมานานและอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น ดังนั้นผู้ที่ใช้รถหรือกำลังจะซื้อรถมือสองที่ผลิตในปี พ.ศ. 2543 – 2558 หรือปี ค.ศ. 2000 - 2015 โดยเฉพาะรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น อาทิ Toyota, Honda, Mazda, Nissan, Mitsubishi และ BMW ควรเข้ารับการตรวจเช็กเพื่อให้แน่ใจว่าถุงลมเสริมความปลอดภัยในรถยนต์ยังคงทำงานได้อย่างปกติ
เจ้าของรถยนต์ที่เข้าข่าย ควรรีบตรวจเช็กทันที โดย TAIA สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้จัดทำเว็ปไซต์เพื่อให้ผู้ใช้รถได้ตรวจเช็กได้อย่างสะดวกได้ที่ https://bit.ly/2L0Kcf8 แบบง่ายๆ เพียง
- คลิกเลือกแบรนด์รถยนต์เพื่อตรวจสอบ
- กรอกหมายเลขตัวถังรถยนต์
หากพบว่ารถของท่านต้องเปลี่ยนถุงลมเสริมความปลอดภัย โปรดโทรนัดหมายกับศูนย์บริการฯ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ที่สำคัญ เปลี่ยนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม. หรือหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดสอบถาม Call Center ของบริษัทรถยนต์ของท่าน
รับชมในรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
ที่มา : The Thai Automotive Industry Association (TAIA)
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น