หากพูดถึงรถจักรยานยนต์ BMW Motorrad ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงรถซุปเปอร์ไบค์ตัวแรงอย่าง BMW S 1000 RR เป็นลำดับแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยรูปทรงอันปราดเปรียว หล่อเหลา ความแรงสุดๆ ระดับทะลุ 299 กม./ชม. และเทคโนโลยีอันสุดแสนทันสมัย รวมถึงยังขับขี่ได้ง่าย

แต่รถซุปเปอร์ไบค์ ก็คือซุปเปอร์ไบค์ ครั้นจะนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็ดูออกจะเป็นคนจริงจังกับชีวิตมากจนเกินไป ด้วยพละกำลังของรถที่ล้นเหลือ แถมท่านั่งขับขี่สุดสปอร์ตหมอบจัดๆ หากมาใช้ประจำวันเห็นทีจะเมื่อยไปสักหน่อย

BMW Motorrad จึงมีทางเลือกต่างๆ ให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถแบรนด์ใบพัดสีสีฟ้านี้ ที่อยากขี่รถสัญชาติเยอรมันในชีวิตประจำวัน จึงได้เปิดรถสกู๊ตเตอร์รุ่นใหญ่ออกมาก่อน กับรุ่น C 650 GT และ C 650 Sport ซึ่งเป็นรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 650 ซีซี

และแล้ว BMW Motorrad ก็ได้เริ่มเอาใจกลุ่มที่ต้องการรถจักรยานยนต์แบรนด์ใบพัดสีฟ้านี้ ด้วยราคารถที่ลดลงมาให้จับต้องได้ง่าย โดยในช่วงแรก BMW Motorrad ได้นำเอารถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเข้ามาจำหน่ายก่อน นั่นคือ BMW G 310 R รถเน็กเก็ตสูบเดี่ยวตัวแรง แถมหล่อมาก และรถแอดเวนเจอร์ไซส์เล็กอย่าง BMW G 310 GS ซึ่งโมเดลกลุ่มนี้มีราคาเปิดตัวไม่ถึงสองแสนบาท

และในที่สุด BMW Motorrad ก็มาเอาใจสาวกรถสกู๊ตเตอร์ ด้วยรถสกู๊ตเตอร์โมเดลใหม่ล่าสุด BMW C 400 X และ C 400 GT โดยในประเทศไทยได้เปิดตัวรุ่น BMW C 400 X ก่อนเป็นรุ่นแรก ในช่วงเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ก่อนงาน Motorshow 2019 ซึ่งได้เปิดตัวพร้อมกับรุ่นพี่สายลุยอย่าง BMW F 750 GS และ BMW F 850 GS ที่โรงแรมปาร์ค นายเลิศ ชิดลม

หลังจากการเปิดตัว BMW C 400 X ในตอนนั้น ทำให้กระแสรถสกู๊ตเตอร์ของประเทศไทยร้อนแรงมากยิ่งขึ้น กับการมาเล่นในตลาดรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ขนาด 300 - 400 ซีซี ของเจ้าพ่อรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติเยอรมัน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่แหวกแนวออกจากคู่แข่งในตลาด ผสมผสานกับตราสัญลักษณ์ใบพัดสีฟ้า เอกสิทธิของ BMW ที่ไม่ว่าจะขับไปไหน ล้วนแต่มีคนรู้จักชื่อเสียงของแบรนด์หรูนี้ว่าเป็นอย่างไร

สำหรับ BMW C 400 X ออกมาเขย่าวงการสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง ด้วยดิสเบรคคู่ ซึ่งรถในคลาสเดียวกันส่วนใหญ่ยังใช้ดิสเบรคหน้าเดี่ยวกันอยู่ ทำให้รถคันนี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้น

และผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน BMW Motorrad ได้เสริมทัพรถสกู๊ตเตอร์ขนาดเริ่มต้นด้วย BMW C 400 GT รถสกู๊ตเตอร์ทัวร์ริ่งขนาดเริ่มต้น ด้วยดีไซน์อิงจากรุ่นพี่ BMW C 650 GT ซึ่งเป็นรถทัวร์ริ่ง ด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่างจาก BMW C 400 X ไม่ว่าจะเป็นลำตัวรถที่ดูมีขนาดใหญ่กว่า, ไฟหน้าแบบ 4 ดวง แตกต่างจาก BMW C 400 X ที่ใช้ไฟหน้าโคมเดี่ยว เหมือนกับ BMW F 750 GS และ F 850 GS ที่เปิดตัวพร้อมกัน ซึ่งรายละเอียดระหว่าง BMW C 400 X และ C 400 GT ค่อนข้างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน จะเป็นอย่างไรนั้น มาเริ่มดูกันทีละจุดครับ

ด้านหน้า

ด้านหน้าตัวรถของ BMW C 400 X และ C 400 GT มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เริ่มต้นจากแฟริ่งด้านหน้า ซึ่ง BMW C 400 GT จะมีขนาดค่อนข้างกว้างกว่าเห็นได้ชัด ส่วน BMW C 400 X จะมีความเพรียวบางกว่าอย่างชัดเจน ในส่วนของไฟหน้าของ BMW C 400 GT จะดูค่อนข้างโอ่อ่า หรูหรา ด้วยไฟหน้า LED แบบ 4 ดวง ส่วนทางด้าน BMW C 400 X จะเป็นไฟหน้าแบบโคมเดี่ยวเหมือนกับ BMW F 750 GS และ F 850 GS แต่จะมีลูกเล่นตรงที่เราสามารถสั่งปรับระดับของไฟหน้าได้โดยผ่านประกันแฮนด์ด้านซ้ายว่าจะเอาความสว่างมากน้อยเพียงใด ส่วน BMW C 400 GT จะมีไฟหน้าระดับเดียว ส่วนไฟสูงมีมาให้ทั้งคู่ แตกต่างกันเพียงไฟต่ำเท่านั้น ส่วนไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED เหมือนกันทั้งสองคัน

ชิวบังลมด้านหน้าของ BMW C 400 X จะออกไปในทิศทางแบบเพรียวลม ด้วยชิวบังลมขนาดเล็ก ทำให้มุมมองการขับขี่ค่อนข้างกว้าง แต่ผู้ขับขี่ก็จะโต้ลมเยอะสักหน่อยเมื่อขับความเร็วสูง

ส่วนทางด้าน BMW C 400 GT จะใช้ชิวบังลมขนาดใหญ่กว่ามาก ทำให้การขับขี่ด้วยความเร็ว ผู้ขับขี่จะไม่โดนลมมากนัก ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ทางไกลได้เป็นอย่างดี ทว่าชิวนั้นไม่สามารถปรับระดับได้ ซึ่งมันค่อนข้างรบกวนสายตาสักหน่อย 

ระบบช่วงล่าง เป็นโช๊คอัพแบบเทเลสโกปิค ขนาดแกน 35 มม. มาพร้อมระยะยุบ 110 มม. ส่วนโช๊คอัพหลังเป็นแบบสปริงคู่ พร้อมตัวปรับพรีโหลด ระยะยุบ 112 มม.

ทางด้านระบบเบรคด้านหน้า ใช้ดิสเบรคคู่ขนาด 265 มม. ปั้มเบรค 4 พอตจาก Bybre พร้อมระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ส่วนล้อหน้า ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว ขนาดยางหน้า 120/70 ZR15

ถัดมาด้านบน ในส่วนของหน้าจอเรือนไมล์ที่แตกต่างกว่ารถทุกรุ่นในระดับเดียวกัน ด้วยเรือนไมล์แบบจอสี TFT ขนาด 6.5" ซึ่งมาพร้อมกับระบบ BMW Motorrad Connected ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลการขับขี่เข้ากับโทรศัพท์มือถือได้ผ่านแอปฯ BMW Motorrad Connected ซึ่งนอกจากจะเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับตัวรถได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อบลูทูธติดหมวกกันน็อกเข้ากับรถได้ด้วย และใช้แป้นบังคับที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างอิสระ

เบาะนั่งของ BMW C 400 X และ BMW C 400 GT จะมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ BMW C 400 GT จะมีระยะความลึกของเบาะที่เยอะกว่า และตัวเบาะมีความกว้างกว่าเล็กน้อย อีกทั้งตัวเบาะหลังของเค้าจะยาวกว่า BMW C 400 X อย่างชัดเจน

ในส่วนของไฟท้ายของ BMW C 400 X จะใช้ไฟท้ายแบบเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล GS ส่วนไฟท้ายของ BMW C 400 GT จะใช้ไฟท้ายคู่แบบเฉพาะไม่เหมือนใคร

ทางด้านพื้นที่เก็บสัมภาระด้านล่าง ใช้เทคโนโลยี BMW Flexcase สามารถขยายความจุในการเก็บสัมภาระได้ โดยการกดปุ่มที่ด้านซ้าย โดยช่องเก็บหมวกกันน็อกจะขยายลงไปได้ล่างไปเกือบถึงล้อหลัง สามารถเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้อย่างสบายๆ ส่วนทางด้านหน้า ก็มีช่องเก็บของอีกพอสมควร สามารถเก็บพวกกระเป๋าติดตัวขนาดเล็กได้ พร้อมเครื่องมือต่างๆ

และถ้าหากว่าเราขยายช่องเก็บของอยู่โดยไม่รู้ตัว หากเราเปิดระบบไฟฟ้า พร้อมที่จะขับขี่ บนหน้าจอเรือนไมล์จะมีการแจ้งเตือนว่า กล่องเก็บสัมภาระถูกขยายไว้อยู่ และรถจะไม่ยอมติดเครื่องยนต์ให้ ผูขับขี่จำเป็นต้องดึงช่องเก็บสัมภาระให้เข้าล็อกก่อน รถจึงจะยอมให้ติดเครื่องยนต์ได้

ข้อมูลทางเทคนิค BMW C 400 X และ BMW C 400 GT

ตัวรถ

มิติรถ

การขับขี่

ในส่วนของการขับขี่ BMW C 400 X และ C 400 GT มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในทุกสัมผัส โดยเราจะแบ่งหมวดหมู่การขับขี่หลักๆ เป็น 3 จุดหลัก ได้แก่ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์, ท่านั่ง และความสะดวกการใช้งาน

ในส่วนของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ตัวรถ BMW C 400 X และ BMW C 400 GT มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยการทดสอบของเราได้ทำการทดสอบขับขี่ทั้งภายในเมือง และการออกทริปเดินทางไกล พบว่า BMW C 400 X มีอัตราเร่งที่ดีกว่า BMW C 400 GT อยู่เล็กน้อย รถ BMW C 400 X จะได้อัตราเร่งที่ดีกว่า สามารถออกตัวได้ความเร็วขึ้นมาไวมากกว่าตัว BMW C 400 GT อย่างชัดเจน โดยเราได้ทดสอบเปิดคันเร่งออกตัวพร้อมกันในระยะ 400 เมตร พบว่า BMW C 400 X มีอัตราเร่งที่ดีกว่า ส่วนท็อปสปีดทั้ง 2 โมเดล สามารถทำได้ที่ 151 กม./ชม. เท่ากัน แต่ของ BMW C 400 X จะถึงความเร็วสูงสุดเร็วกกว่า BMW C 400 GT เล็กน้อย

ซึ่งจากการดูสเป็กของเครื่องยนต์พบว่าไม่มีความแตกต่างกันเลย โดยทางเราคาดว่า อัตราเร่งของ BMW C 400 X ที่ดีกว่า BMW C 400 GT น่าจะมาจากรูปทรงของรถที่ค่อนข้างเพรียวบางกว่า มีความลู่ลมดีกว่า และมีน้ำหนักเบากว่าเล็กน้อย

ลักษณะของเครื่องยนต์ที่ติดตั้งมากับรถทั้งสองรุ่นนี้ สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถมีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม เปิดคันเร่งแรงๆ มีแขนตึงกันเลยทีเดียว สามารถสร้างแรงบิดได้สูง ส่งกำลังให้รถออกตัวจากการหยุดนิ่ง ไปถึงความเร็วมากกว่า 60 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้การขับขี่ของรถทั้ง 2 คันนี้สนุกจนไม่อยากจะคืนรถกันเลยทีเดียวเชียวล้ะ !

ในส่วนของความสบายในการขับขี่ และท่าทางการนั่ง จุดนี้ขอยกให้ BMW C 400 GT ชนะขาด ด้วยเบาะนั่งของ BMW C 400 GT ที่กว้างกว่า BMW C 400 X ค่อนข้างมาก ประกอบกับตำแหน่งพักเท้าผู้ขับขี่ที่สามารถยืดไปด้านหน้าได้แบบสบายๆ ส่วนทาง BMW C 400 X จะไม่สามารถยืดขาออกไปด้านหน้าได้ ทำได้เพียงเปลี่ยนอริยบทการขับขี่ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้จุดนี้ในเรื่องของความสบาย BMW C 400 GT ชนะไปอย่างขาดลอย

ส่วนทางด้านชิวบังลม ของ BMW C 400 GT ก็ชนะขาดไปอีกเช่นกัน ด้วยชิวบังลมขนาดที่กว้าง และสูง ทำให้การขับขี่เดินทางไกลนั้น ตัวของผู้ขับขี่แทบจะไม่โดนลม ทำให้ตัวผู้ขับขี่ไม่ต้านลม ลดอาการเหนื่อยล้าจากการโต้ลมได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน BMW C 400 X ด้วยชิวบังลมขนาดเล็ก ทำให้ผู้ขับขี่ต้องขี่รับลมแบบเต็มๆ

นอกจากนี้ ตำแหน่งพักเท้าคนซ้อนท้ายของ BMW C 400 GT มีลักษณะเป็นพื้นที่วางเท้าขนาดใหญ่ ทำให้วางเท้าได้เต็มๆ ส่วน BMW C 400 X จะเป็นพักเท้าคนซ้อนธรรมดาทั่วๆ ไป

ทางด้านความสะดวกการใช้งาน BMW C 400 X และ BMW C 400 GT มีที่เก็บของทั้งหมด 3 จุด เหมือนกันทุกประการ และมีขนาดเท่ากัน ได้แก่ช่องเก็บของ ใต้แฮนบาร์ของรถจำนวน 2 ช่อง ซึ่งสามารถล็อกได้ และช่องเก็บหมวกกันน็อกใต้เบาะนั่ง ซึ่งมีขนาดเท่ากันทั้งคู่ จุดนี้ถือว่าเสมอกัน

ในส่วนของช่วงล่างของ BMW C 400 X และ BMW C 400 GT ไม่มีความแตกต่างกันนัก โดยนิสัยของช่วงล่างเดิมๆ ติดรถที่ให้มาค่อนข้างนุ่มนวล แต่ไม่ย้วยนะ โดยเราได้ทดสอบขับขี่ในเส้นทางที่ไม่เรียบเนียนอย่างถนนเอกมัย ซึ่งตอนนี้มีการซ่อมสร้างกันเกือบยกซอย ซึ่งจากการทดสอบขับขี่พบว่า รถทั้ง 2 คันนี้ สามารถแล่นผ่านถนนที่ไม่เรียบเนียนได้อย่างสบายๆ โดยช่วงล่างเดิมๆ ติดรถสามารถซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี

ส่วนการขับขี่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก็พบว่ารถไม่มีอาการย้วยให้เห็นเลย ซึ่งรถทั่วๆ ไป หากใช้โช๊คอัพที่เซ็ตมาแบบเน้นความนุ่ม เรามักจะพบกับอาการย้วยในโค้ง แต่กับ BMW C 400 X และ BMW C 400 GT เราไม่พบอาการนั้นแต่อย่างใด

ในส่วนของระบบเบรคติดรถเดิมๆ ซึ่งเป็นดิสเบรคคู่ พร้อมปั้มเบรคมากถึง 4 พอต จากการทดสอบพบว่า ตัวเบรคทำงานได้อย่างดีเยี่ยม และนุ่มนวล สามารถหยุดรถได้ในะระยะทางอันสั้น ซึ่งจุดนี้นับเป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ แถมอีกอย่างคือเป็นดิสเบรคคู่ด้วย นอกจากประสิทธิภาพดีแล้ว ยังเสริมความหล่อเพิ่มขึ้นอีกไม่เบา

ข้อสังเกต

1. ระบบนำทางใน BMW Motorrad Connected Ride ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพมหานครสักเท่าไหร่ แอบนำทางไปผิดๆ งงๆ อยู่บ่อยครั้ง จุดนี้แม้ว่ายังถือว่าเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ แต่แนะนำว่าให้ใช้การจดจำเส้นทาง รวมถึงทำการบ้านก่อนการเดินทางล่วงหน้ามาด้วยน่าจะดี

2. พื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะค่อนข้างน้อย เทียบกับรถในคลาสเดียวกันของค่ายอื่นๆ ที่สามารถจุสัมภาระใต้เบาะได้เยอะกว่ามาก

สรุป

BMW C 400 X และ BMW C 400 GT เป็นรถสกู๊ตเตอร์ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบครันที่สุดในรถระดับราคาไม่เกิน 4 แสนบาท ด้วยหน้าจอสี TFT พร้อมระบบ BMW Motorrad Connected Ride เชื่อมต่อตัวรถเข้ากับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่มีใครที่ไม่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนอีกแล้ว นับว่าเป็นลูกเล่นที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของเราในยุคนี้เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งตัวรถที่มีออปชั่นมาให้อย่างเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน ทำให้รถคันนี้เหมาะกับทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่มาอย่างโชคโชน รวมถึงมือใหม่หัดขี่มอเตอร์ไซค์ ก็สามารถควบคุม BMW C 400 X และ BMW C 400 GT นี้ได้อย่างง่ายดาย

สำหรับราคาวางจำหน่ายของ BMW C 400 X อยู่ที่ 349,000 บาท และ BMW C 400 GT อยู่ที่ 399,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ BMW ได้ทั่วประเทศครับ

ระหว่าง BMW C 400 X กับ BMW C 400 GT ควรซื้อคันไหน ?!?

คำถามนี้ ตอบได้ง่ายๆ เลยว่า คุณอยากได้รถที่ดูสปอร์ต ดูคล่องตัว ไป BMW C 400 X แต่ถ้าอยากได้รถที่ดูหรู ดูแพง นั่งสบาย ไป BMW C 400 GT ด้วยดีไซน์ของรถทั้งสองที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่แน่นอนครับว่า หากลองสักครั้งแล้ว จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง

ขอขอบคุณ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จำกัด สำหรับรถทดสอบขับขี่

บททดสอบโดย Kritanu.V
ผู้ขับขี่ Kritanu.V, Ananpong.C
ภาพโดย Kittipong.A, Natthapong.T
ผู้ช่วยงานภาพ Wongsatorn.W, Natcha.R

เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่