Isuzu คาดการณ์ตัวเลขตลาดรวมปีนี้แตะ 9 แสนคัน หากไร้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ ยืนยันมาตราการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าภาครัฐยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถปิกอัพ
ISUZU ระบุมาตราการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าภาครัฐ ยังไม่ส่งผลต่อตลาดรถปิกอัพ
ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เปิดเผยถึงมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐว่า ในส่วนมาตรการเรื่องยานยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่ ทางอีซูซุอยู่ระหว่างพิจารณาเช่นกันว่า เมื่อไรจะเป็นเวลาที่เหมาะสม ลูกค้าแต่ละประเภทที่ใช้รถมีลักษณะการใช้งานอย่างไร จึงจะตัดสินใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อีซูซุ มองว่ารถยานยนต์ไฟฟ้าไม่น่าจะส่งผลกระทบกับตลาดรถปิกอัพ เพราะลักษณะการใช้งานของรถปิกอัพมีลักษณะพิเศษ
“ทางอีซูซุขายรถปิกอัพเป็นหลักยังไม่มีรถ EV และลูกค้าไม่ถามถึง EV ด้วย แต่เราก็มีเทคโนโลยีที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งในเชิงพาณิชย์ที่ใช้งานจริง และอยู่ในระหว่างการทดลอง”
ยอดขายตลาดรวมรถ 2565
ด้านทาเคชิ คาซาฮาระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ คาดการณ์ยอดขายตลาดรถยนต์โดยรวมว่า ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 900,000 คัน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้จากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซมิคอนดักเตอร์ ที่มีปัญหาขาดแคลนต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลขตลาดรวมรถยนต์ก็อาจจะมีบวก หรือ ลบ ได้เล็กน้อยจากจำนวน 900,000 คัน
ในส่วนของปัจจัยที่เกี่ยวข้องเรื่องปัญหาจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก็ส่งผลกระทบ ทำให้ Supply Chain เกิดปัญหา เพราะมีวัตถุดิบในการผลิตอะไหล่รถยนต์มาจากประเทศทางแถบยุโรปค่อนข้างเยอะ
ทั้งนี้ รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ ขายได้ 440,000 คัน ซึ่งส่วนแบ่งตลาดรถปิกอัพจะเพิ่มมากขึ้นถ้าเทียบกับปีที่แล้ว มีสาเหตุ 2 ประการดังนี้
- การมียอดค้างส่งมอบจากปีที่แล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่รถปิกอัพของอีซูซุ แต่รวมถึงรถปิกอัพของค่ายอื่นๆ ก็จะมียอดค้างส่งจากปีที่แล้วด้วยเช่นกัน
- จากภาวะโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องใช้รถปิกอัพในการขนส่งสินค้า เดลิเวอร์รี่ไปตามที่ต่างๆ ทำให้ความต้องการของรถปิกอัพเพิ่มมากขึ้น
ยอดขายรถอีซูซุ
สำหรับยอดขายรวมของรถอีซูซุปี 2564 อยู่ที่ 184,160 คัน เป็นรถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ 150,741 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรถปิกอัพของอีซูซุ 44.1% และรถอเนกประสงค์อีซูซุมิว-เอ็กซ์ ขายได้ 16,439 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 31.6% สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ อีซูซุขายได้ 16,980 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 50.6%
สำหรับปีนี้เป็นตัวเลขประมาณการณ์เพราะขึ้นอยู่กับชิ้นส่วนรถยนต์ และปริมาณของเซมิคอนดักเตอร์ที่จะได้รับ ซึ่งอีซูซุไม่ได้ตั้งเป้าไว้เป็นตัวเลข แต่เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดปีที่แล้วค่อนข้างดีมาก จึงคิดว่าถ้าสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้เท่าปีที่แล้วก็คงจะดี ในส่วนการส่งออกก็ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเช่นกันเนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่ประกอบในประเทศไทย
“ในปีที่แล้ว ภาพรวมตลาดค่อนข้างต่ำเกินไป เนื่องจากปัญหาเรื่องอะไหล่ชิ้นส่วนไม่เพียงพอ ซึ่งไม่ใช่แค่ทางอีซูซุ แต่เป็นทุกแบรนด์ เลยทำให้มียอดค้างส่งมอบรถยนต์จากปีที่แล้ว และจะมาเป็นยอดขายในปีนี้แทน เราคิดว่าสภาวะโควิด-19 น่าจะคลี่คลายลง เศรษฐกิจน่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ตลาดน่าจะขยายตัวได้มากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์อีซูซุค่อนข้างสูงแล้ว ดังนั้น เราจึงเน้นการรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้อยู่ในระดับที่สูงเหมือนเดิม ด้วยการเน้นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ ไม่ได้เน้นการจัดกิจกรรมที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด”
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านน้ำมันมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบ ทั้งผลดีและผลเสีย ผลดี คือ รถปิกอัพใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งรัฐบาลควบคุมราคาน้ำมันอยู่ ผลเสียคือลูกค้าผู้ใช้รถปิกอัพก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจเหมือนกัน ดังนั้นโอกาสที่จะเปลี่ยนรถใหม่ก็มีน้อยลง
Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็ควันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น