BMW R 18 B และ Transcontinental รถบิ๊กไบค์พลัง Boxer ที่มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดเท่าที่ BMW Motorrad เคยสร้างมา ผสานความลงตัวทั้งความคลาสสิกและความทันสมัยไว้ในหนึ่งเดียว จัดจำหน่ายถึง 7 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 1.47 ล้านบาท
BMW R 18 2023
BMW R 18 รถมอเตอร์ไซค์เครื่อง Boxer ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ BMW Motorrad เคยมีมา หากท่านคิดว่า รถมอเตอร์ไซค์ยิ่ง cc มาก ก็ยิ่งแรงมาก คุณ คิด ผิด ! เพราะรถคันนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเน้นความเร็ว มันมีแนวคิดการออกแบบว่า ต้องการนำเอาความความคลาสสิคของยุคอนาล็อก ให้มีชีวิตในยุคดิจิตอลอย่างปัจจุบัน พร้อมยังสามารถบ่งบอกประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันล้ำค่าของ BMW Motorrad ลงบนรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ได้อย่างลงตัว
BMW R 18 Transcontinental โดดเด่นด้วยความเป็นมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งที่หรูหราที่รองรับทุกการเดินทาง มาพร้อมกับกล่องสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่ ที่เป็นเบาะพิงสำหรับผู้ซ้อนท้ายได้อย่างลงตัว
ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู R 18 B มาพร้อมความเป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์แบกเกอร์เต็มตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทั้งเรียบง่ายและปราดเปรียว พร้อมด้วยกระเป๋าสัมภาระข้างรถที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับฝาครอบไฟหน้ารถ
ส่วนประกอบเพื่อการใช้งานและดีไซน์ต่าง ๆ เช่น โครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาด 24 ลิตร เพลาแบบเปิดเปลือย พร้อมลูกเล่นการทำสีแบบลายเส้นคู่ ล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมอเตอร์ไซค์แบบทัวริ่งและครูสเซอร์ยอดนิยม และด้วยระบบสวิงอาร์มคู่ขนาบข้างและคานรับน้ำหนักแบบยื่น โครงสร้างตัวรถอันแข็งแกร่งจากมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานอย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 5 จึงถูกถ่ายทอดสู่ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ BMW R 18 B & Transcontinental 2023
หัวใจหลักของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Transcontinental และ R 18 B คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบที่เรียกว่า “บิ๊กบ็อกเซอร์” ซึ่งนับเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบวางเรียงที่มีสมรรถนะสูงสุดในรถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตออกจำหน่ายในตลาดทั่วไป ด้วยความจุ 1,802 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ (91 แรงม้า) ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที พร้อมพลังขับเคลื่อนและเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเร้าใจด้วยความเร็วสูงสุด มากกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้านแชสซีของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Transcontinental และ R 18 B เป็นโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น พร้อมแกนหลักชิ้นส่วนขึ้นรูปจากแผ่นเหล็ก ทั้งยังโดดเด่นด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพสูงและความประณีตในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การเชื่อมข้อต่อระหว่างโครงสร้างเหล็กและการขึ้นรูปชิ้นส่วนเหล็กหล่อต่าง ๆ
นอกจากนี้ สวิงอาร์มหลังยังยึดต่อกับเพลาหลังด้วยข้อต่อสลักเกลียวแบบดั้งเดิม ระบบช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Transcontinental และ R 18 B ใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิก และระบบสวิงอาร์มที่ติดตั้งโดยตรงบนคานรับน้ำหนักแบบยื่นที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อให้ควบคุมล้อที่หล่อด้วยวัสดุอัลลอยน้ำหนักเบาชั้นเลิศได้อย่างแม่นยำ พร้อมมอบการขับขี่ที่นุ่มสบาย
คานรับน้ำหนักด้านหลังสามารถปรับตั้งค่าความหนืดได้และมีระบบชดเชยโหลดอัตโนมัติเพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เหนือระดับ และเช่นเดียวกับรถรุ่นตำนานอย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 5
แกนโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิกของ R 18 ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับปลอกหุ้มโช้ค นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับระบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า และดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ และระบบเบรก ABS ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
BMW R 18 Transcontinental ติดตั้งเบาะที่นั่งที่นุ่มสบายพร้อมระบบอุ่นเบาะที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อความสบายในการขับขี่ทางไกลแม้มีคนนั่งซ้อนท้าย ส่วนเบาะที่นั่งในรุ่น R 18 B เป็นเบาะที่นั่งสำหรับสองคนที่มีขนาดเล็กลง มาพร้อมบันไดข้างเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนรุ่น R 18 B มากับที่พักเท้าที่กว้างขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่า R 18 รุ่นก่อนหน้า
ส่วนขับขี่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับมาตรวัดแบบอนาล็อก หน้าปัดทรงกลม 4 ช่อง
และจอสีแสดงผลแบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พิมพ์ตัวอักษร "BERLIN BUILT" เสริมความคลาสสิกให้กับตัวรถ อ่านข้อมูลการขับขี่ได้ง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน BMW Connected App เสริมความสะดวกในการใช้งานและแสดงข้อมูลการขับขี่อย่างเต็มที่ เสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล๊อก ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 โหมด ได้แก่ Rain, Roll และ Rock
อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่
- ระบบไฟหน้าปรับตามทิศทางการขับขี่พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
- ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC)
- ระบบเกียร์ถอยหลัง
- ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control)
- ไฟหน้า LED ไฟเลี้ยว LED ไฟท้าย LED และไฟเบรก
- ไฟตัดหมอกแบบ LED (เฉพาะ Transcontinental)
- ระบบป้องกันการโจรกรรม
- ระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจระบบควบคุมแรงดันลมยาง (Tyre pressure control)
เครื่องเสียง Marshall และลำโพงแบบ two-way (แยกซับวูฟเฟอร์) ที่ติดตั้งบนหน้าปัดของฝาครอบไฟหน้ารถ พร้อมด้วยหน้ากากลำโพงสีดำที่แต่งด้วยตัวอักษร Marshall สีขาวสริมลุคคลาสสิกให้กับมอเตอร์ไซค์ โดย R 18 B มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียง Marshall Gold SeriesStage 1 ซึ่งประกอบด้วยลำโพง 2 ตัว และซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว
ส่วน BMW R 18 Transcontinentalติดตั้งระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 2 มาพร้อมลำโพง 4 ตัว และซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว ด้วยกำลัง 280 วัตต์
ราคา BMW R 18 B และ Transcontinental 2023
BMW R 18 B และ Transcontinental 2023 มีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย ได้แก่
BMW R 18 B สี Black Storm Metallic ราคา 1,475,000 บาท
BMW R 18 B สี Gravity Blue Metallic ราคา 1,500,000 บาท
BMW R 18 B สี Manhattan Metallic Matte ราคา 1,500,000 บาท
BMW R 18 B สี Option 719 Mineral White Metallic ราคา 1,575,000 บาท
BMW R 18 B สี Option 719 Galaxy Dust Metallic ราคา 1,595,000 บาท
BMW R 18 Transcontinental สี Black Storm Metallic ราคา 1,615,000 บาท
BMW R 18 Transcontinental สี Option 719 Mineral White Metallic ราคา 1,715,000 บาท
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น