แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? มีอายุการใช้งานกี่ปี? Share this
EV Highlights
โหมดการอ่าน

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? มีอายุการใช้งานกี่ปี?

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 30 July 2567

ประเภทของแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? และมีหลักการทำงานอย่างไร? และปัจจัยที่ส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงเกิดจากอะไรได้บ้าง? เลดี้มีคำตอบค่ะ  


แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? มีอายุการใช้งานกี่ปี?

หัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ "แบตเตอรี่" ซึ่งเป็นแหล่งผลิตขุมกำลังเดียวในรถยนต์ไฟฟ้า และยังมีความแตกต่างจากแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วๆ ไป ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าซักคัน เราจึงต้องทำความรู้จักกับเจ้าแบตเตอรี่กันเสียก่อน รวมถึงการดูแลบำรุงรักษาและการใช้งานที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ Life Time แบตเตอรี่ของคุณ 

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? มีอายุการใช้งานกี่ปี?

ประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

1. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium Ion Battery / Li-ion) เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ถูกคิดค้นและพัฒนาในช่วงต้นศตวรรษที่ 90 สามารถนำมาใช้งานได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์ อาทิ โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิทัล และคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อดีของลิเธียมไอออน คือ สามารถเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Energy Density ได้มาก มีอายุการใช้งานนานกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ รองรับเทคโนโลยี Fast Charge จึงสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว เสถียร คงที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ไม่เกิดปัญหาที่เรียกว่า Memory Effect หรืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลงแม้ชาร์จไม่เต็ม 100% ซึ่งจะมีรอบการชาร์จ (Charges Cycle) อยู่ที่ประมาณ 500-10,000 ครั้ง

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 

  • มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นจึงมีราคาแพง
  • อุณหภูมิของแบตเตอรี่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน ทั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป หรือสูงเกินไป

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium Ion Battery / Li-ion)

2. แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid State Battery) แบตเตอรี่ชนิดนี้มีการคิดค้นวิจัยตั้งแต่ทศวรรษ 90 และกลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งในปี 2015 เมื่อมีงานวิจัยเกี่ยวกับ Solid State Battery จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเออร์ไวน์ ซึ่ง แบตเตอรี่โซลิดสเตตเป็นแบตเตอรี่ชนิดแข็ง ที่มีการเปลี่ยนอิเล็กโทรไลต์เหลวให้กลายเป็นอิเล็กโทรไลต์แข็งแทน จึงให้ความจุและประสิทธิภาพได้ดีกว่าแบตเตอรี่ทุกชนิด (Energy Density สูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 เท่า) นอกจากนี้ยังมีโอกาสติดไฟต่ำเนื่องจากไม่มีอิเล็กโทรไลต์ที่เป็นของเหลวซึ่งเป็นส่วนที่ติดไฟได้ 

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่โซลิดสเตต

  • แบตเตอรี่โซลิดสเตตมีต้นทุนที่สูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนถึง 8 เท่า
  • แบตเตอรี่โซลิดสเตตเป็นแบตเตอรี่ชนิดแข็ง เมื่อใช้งานจริงบนท้องถนนมีความเสี่ยงต่อความเสียหาย แตก หัก ได้ง่ายจากการกระแทก 
  • ยังคงอยู่ในช่วงวิจัยและพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะพร้อมใช้งานได้จริงในปี 2030 เป็นต้นไป 

แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid State Battery)

3. แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium Ion Battery / Na-Ion Battery) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “แบตเกลือ” เป็นการนำเอาแร่ธาตุที่หาง่ายมาเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นจึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนถึง 3-4 เท่า แต่มีความทนต่อสภาพอุณหภูมิสูงและหนาวจัดได้ดีกว่า สามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ในเวลาเพียง 20 นาที และมีอายุการใช้งานได้นาน 8,000-10,000 ครั้ง โดยที่ขณะนี้ทางค่าย BYD ได้เริ่มมีการเตรียมความพร้อมที่จะนำเอาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนมาใช้กับรถยนต์ในรุ่น Seagull  

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่โซเดียมไอออน

  • ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักที่เท่าๆ กันกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แต่แบตเตอรี่โซเดียมไอออนนั้นให้พลังงานได้น้อยกว่า จึงสามารถวิ่งได้ระยะสั้นกว่า 
  • มีน้ำหนักหนักกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน

แบตเตอรี่โซเดียมไอออน

4. แบตเตอรี่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Supercapacitors) สำหรับชนิดนี้เป็นเก็บตัวประจุไฟฟ้าซึ่งไม่เชิงเป็นแบตเตอรี่ซะทีเดียว แต่จะสามารถเก็บไฟฟ้าได้สูงกว่าแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์แบบเหลวทั่วไป ทนทานกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และชาร์จไฟฟ้าได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ปกติมากๆ (ประมาณ 1,000 เท่า) มีรอบการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 100,000-1,000,000 ครั้ง ในปัจจุบันยังไม่มีการนำเอาแบตเตอรี่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า ไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า แต่มักจะถูกนำมาใช้ช่วยรีดอัตราเร่งตอนออกสตาร์ท หรือตอนออกโค้งในรถยนต์ไฮบริดระดับ Super Car หลายรุ่น หนึ่งในนั้นก็คือ Lamborghini Aventador นั่นเอง 

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า

  • จ่ายกระแสไฟไม่เสถียร จึงทำให้กำลังไฟฟ้าลดลงเมื่อใช้ไปนานๆ
  • กักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปขนาดเดียวกัน
  • คายประจุเมื่อไม่ได้ใช้มากถึง 10-20% ต่อวัน ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการใช้เป็นพลังงานสำรอง
  • การผลิตค่อนข้างมีความซับซ้อน ทำให้มีราคาสูงตามไปด้วย 

แบตเตอรี่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า

5. แบตเตอรี่ตะกั่วกรด (Lead Acid Battery) เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้เพื่อการจุดสตาร์ทเครื่องยนต์ ในรถยนต์ ICE หรือเครื่องสันดาป และเข้าไปจ่ายกระแสไฟให้กับระบบปรับอากาศ วิทยุ ภายในห้องโดยสาร และสำหรับการใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรดจะเข้าไปทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าสตาร์ทมอเตอร์ขับเคลื่อน รวมไปถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ ซึ่งในท้องตลาดจะมีจัดจำหน่าย 3 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่แห้ง และแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ราคาไม่แพง สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ค่อนข้างสูง โดยที่จะนำไปใช้กับรถยนต์ PHEV และ HEV รวมไปถึงรถ BEV ด้วยเช่นกัน 

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่ตะกั่วกรด

  • แบตเตอรี่ตะกั่วกรดจะถูกนำมาใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองในรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
  • มีอายุการใช้งานสั้น และมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้สภาวะอุณหภูมิต่ำ ไม่เหมาะนำมาใช้เป็นพลังงานหลักของรถยนต์ไฟฟ้า
  • มีค่า Maintainance สูงในระยะยาว 

แบตเตอรี่ตะกั่วกรด

6. แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์  (Nickel-Metal Hydride Battery / Ni-MH) ได้รับการคิดค้นในช่วงทศวรรษที่ 70 และได้มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในรถยนต์ Hybrid และ PHEV ที่ใช้ร่วมกับพลังงานน้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและแบตเตอรี่ตะกั่วกรด และมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะอากาศได้ดีกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยที่แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์นิยมนำมาใช้กับรถยนต์จากหลากหลายรุ่น อาทิ Toyota Corolla Hybrid, Toyota Camry Hybrid, Honda Accord Hybrid เป็นต้น

ข้อจำกัดของแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ 

  • ใช้ทุนในการผลิตค่อนข้างสูง เนื่องจากใช้วัสดุโลหะจำพวกไทเทเนียมในการผลิต
  • เก็บพลังงานไฟฟ้าได้น้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
  • มีอัตราการคายประจุสูงแม้จะไม่ได้มีการใช้งาน รวมถึงมีการปล่อยพลังงานความร้อนที่สูงด้วยเช่นกัน

แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์

7. แบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม (Nickel-Cadmium Battery / Ni-Cd) นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงศตววรษที่ 90 ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์ไฟฟ้า และถ่านแบบก้อน นอกจากนี้แบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียมยังสามารถเก็บกระแสไฟฟ้าได้เยอะ และมีรอบการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 ครั้ง

 ข้อจำกัดของแบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม

  • มีปัญหาในเรื่องของ Memory Effect หรือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลง ทำให้ต้องใช้พลังงานให้หมดก่อน จึงจะสามารถชาร์จใหม่ได้
  • ปัจจุบัแบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม เป็นแบตเตอรี่ต้องห้ามเพราะมีความเป็นพิษจากสารแคดเมียมรั่วไหลระหว่างขั้นตอนการผลิต

แบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม

 

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกี่ปี?

คำถามในเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ว่าสามารถใช้ได้กี่ปี? เลดี้ขอพูดแบบทั่วๆ ไปแล้วกัน ในบ้านเราแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ที่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งจะค่อยๆ มีการเสื่อมสภาพลงโดยมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อ Life Time Battery ดังนี้

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกี่ปี? (1)

1. อุณหภูมิ (Temperature)

เรื่องของอุณหภูมิมีผลโดยตรงต่อคุณภาพการใช้งานของแบตเตอรี่ ยิ่งในสภาวะของอุณหภูมิที่สูงแบบเกินระดับที่แบตเตอรี่จะสามารถทำงานได้เป็นปกติ ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ทำให้มีอายุลดลง และถ้าหากเกิดความร้อนสะสมในแบตเตอรี่มากๆ อาจทำให้แบตเตอรี่ไฟไหม้หรือระเบิดได้เลย 

ในส่วนของคำถามในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทยบ้านเรานั้น จริงหรือไม่? คำตอบคือ ไม่จริงค่ะ เพราะในรถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบ  Liquid Cooling ที่ช่วยระบายความร้อนและควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ ซึ่งติดตั้งมาให้กับรถยนต์ไฟฟ้าแทบทุกรุ่นอยู่แล้ว จึงไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของแบตเตอรี่ กลับกันในประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสลงไป แบตเตอรี่จะเริ่มจ่ายกำลังไฟฟ้าได้น้อยลง ซึ่งอันนี้ส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่แน่นอน

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกี่ปี? (2)

2. รอบการใช้งาน หรือรอบการชาร์จ (Cycle time)

มันคือการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% จะเท่ากับการใช้ 1 รอบการชาร์จ หรือ 1 Cycle Time ซึ่งเมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปนานๆ Cycle Time จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบตเตอรี่ก็จะสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้น้อยลงจามอายุการใช้งาน โดยเฉลี่ยแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3,000 รอบการชาร์จขึ้นไป หรือหากตีเป็นตัวเลขคร่าวๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10-20 ปี ดังนั้นหากเรามีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างถี่หรือใช้งานหนัก อัตราความเสื่อมของแบตเตอรี่ก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกี่ปี? (3)

3. ระบบของการชาร์จไฟ 

ระบบของการชาร์จไฟในรถยนต์ไฟฟ้าหลักๆ จะมี 2 ระบบได้แก่ AC และ DC ซึ่งหลักการทำงานของ AC (Alternating Current) หรือ ไฟฟ้ากระแสสลับ คือการรับไฟฟ้าจาก Wallbox โดยใช้ไฟจากที่บ้านผ่านเข้าสู่ On-Board AC-Charger ในตัวรถ และเนื่องจากมีการจำกัดการปล่อยกระแสไฟฟ้าไม่มากจนเกินไป จึงทำให้ช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้ดีกว่า การชาร์จแบบ DC (Direct Current) หรือ ไฟฟ้ากระแสตรง คือ การรับไฟฟ้าจากสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Fast Charge ซึ่งจะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้ามากกว่า หากใช้บ่อยเกินไปหรือชาร์จไฟเกิน 80% อาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปจนทำให้แบตเสื่อมเร็ว

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกี่ปี? (4)

4. พฤติกรรมในการชาร์จไฟ

พฤติกรรมในการชาร์จไฟของคุณมีส่วนในการทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลง เนื่องจากคุณมีการใช้แบตเตอรี่จนหมด 0% หรือเกือบหมดเกิน 5% แล้วจึงนำไปชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักและร้อนเกินไป ทางที่ดีไม่ควรใช้แบตเตอรี่จนหมดหรือให้เหลืออย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 20% ถึงจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของคุณได้   

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 1.98% - 5.25% (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 3.81% - 9.80% ต่อปี)
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 1.98% - 5.25% (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 3.81% - 9.80% ต่อปี)

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ