เปรียบเทียบรถยนต์ MPV พลังงานไฟฟ้า ระหว่างน้องใหม่อย่าง ZEEKR 009 และ MG MAXUS 9 ในรุ่น V ในราคาที่เหลื่อมล้ำกันอยู่ประมาณ 400,000 บาท ใครจะเด่นในด้านไหน และมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปชมกันค่ะ
ZEEKR 009 VS MG MAXUS 9 V
รถยนต์ MPV พลังงานไฟฟ้า 6-7 ที่นั่ง ณ เวลานี้ที่น่าจับตามองเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ZEEKR 009 ที่เพิ่งเปิดราคาไปหมาดๆ เมื่อวานนี้ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าราคาที่เปิดมานั้นแรงกว่าคู่แข่งอย่าง MG MAXUS 9 อยู่ไม่น้อย วันนี้เลดี้เลยลองจับทั้ง 2 แบรนด์ดังมาเทียบให้ดูว่าจะเชือดเฉือนกันขนาดไหน โดยที่ ZEEKR 009 นั้นมีอยู่รุ่นเดียวไม่มีรุ่นย่อย ส่วน MG MAXUS 9 ขอเลือกเป็นในรุ่น V ตัวท็อปสุดค่ะ
การออกแบบภายนอก Exterior
ขอเริ่มต้นด้วยน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดราคาหมาดๆ ZEEKR 009 ซึ่งการดีไซน์รูปร่างหน้าตา ทางทีม AutoSpinn ได้ให้คำนิยามว่า "มาเฟีย รักษ์โลก" เพราะว่าให้อารมณ์แบบ เข้มๆ เท่ๆ แฝงไปด้วยความทันสมัยและลักซ์ชูรี มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ Volvo EM90 รุ่นพี่ในเครือ Geely Holding Group ภายใต้แนวคิด "Every Journey Shines" ที่มอบทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย มาพร้อมกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED รูปทรงตัว U กลับหัว โดดเด่นมีเอกลักษณ์ด้วยไฟท้าย LED แบบเส้นเรียงยาว 1.47 เมตรหลังคาเป็นแบบ Dual Glass Roof แบ่งโซนหน้าหลัง ด้านหลังติดตั้ง Panoramic Roof ขนาด 1.21 ตารางเมตร เพิ่มความสุนทรีย์ในทุกการเดินทาง สำหรับประตูเป็นแบบสไลด์ทั้งซ้าย-ขวา เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด
ZEEKR 009 มีมิติตัวถังยาว 5,207 มิลลิเมตร กว้าง 2,024 มิลลิเมตร สูง 1,856 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,205 มิลลิเมตร ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดยางขนาด 255/50 R19 มีระยะห่างจากพื้น หรือ Ground Clearance อยู่ที่ 142 มม. ขึ้นลงจากรถสะดวกสบายด้วยช่วงล่างแบบถุงลมไฟฟ้า สามารถปรับระดับความสูงได้มากสุดที่ 172 มิลลิเมตร โดยมีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 142 มิลลิเมตร
มาดูทางด้าน MG MAXUS 9 ในรุ่น V ถือเป็นรถยนต์ MPV พลังงานไฟฟ้าที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นแบรนด์แรกๆ มาพร้อมกับดีไซน์คุ้นชินในสไตล์รถยนต์ ICE ที่มีความเรียบหรูและพรีเมียม ตกแต่งด้วยชุดไฟหน้า LED รวมถึง DAYTIME RUNNING LIGHTS ประกายคริสตัล และไฟท้าย LED ดีไซน์ Y-SHAPE ออกแบบให้เต็มพื้นที่ด้านหลัง มาพร้อมไฟเลี้ยวแบบ SEQUENTIAL เพิ่มความสง่าเหนือระดับกับเส้นสายโครเมียม ใต้ฝากระโปรงมีช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ สามารถใส่กระเป๋าฟิตเนสได้แบบสบายๆ หลังคาเป็นแบบ DUAL SUNROOF ให้มุมมองที่กว้างกว่าแบบพาโนรามา ประตูห้องโดยสารเป็นประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้งสองฝั่ง โดยมีการซ่อนรางประตูสไลด์ไว้แนบเนียนกับกระจกข้างของตัวรถ ในส่วนของประตูท้ายเก็บสัมภาระ ก็ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
มีมิติตัวถังของ MG MAXUS 9 ในรุ่น V ยาว 5,270 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,840 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร ติดตั้งล้ออัลลอย แบบ MULTI SPOKE ขนาด 19 นิ้ว รัดยาง RunFlat Tyres ขนาด 235/55 R19 มีระยะห่างจากพื้น หรือ Ground Clearance อยู่ที่ 140 มิลลิเมตร
Editor Talk : ถ้าใครที่ชอบความแปลกใหม่ เท่ ดุดัน ล้ำๆ ทรงอย่างแบด แนะนำให้ไปทาง ZEEKR 009 เพราะอย่างที่บอกว่าทีมเราขนานนามเค้าไว้ว่า มาเฟีย รักษ์โลก แต่หากใครที่ชื่นชอบความเรียบหรู พรีเมียมแบบตะโกน ให้หันไปทาง MG MAXUS 9 น่าจะเหมาะกว่า ในส่วนของมิติตัวถังทางด้าน ZEEKR 009 มีความยาวน้อยกว่า MG MAXUS 9 อยู่ประมาณ 63 มิลลิเมตร แต่กว้างกว่า 24 มิลลิเมตร สูงกว่า 16 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อมากกว่า 5 มิลลิเมตร
การออกแบบภายใน Interior
ห้องโดยสารของ ZEEKR 009 มอบประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาสของสายการบิน มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างถึง 7.4 ตารางเมตร ด้วยเบาะที่นั่งผู้โดยสารแถวสองแบบ Sofaro First Class Airline Seats พร้อมโหมดการการปรับแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับเอนนอนด้วยปุ่มเดียว ติดตั้งโต๊ะเอนกประสงค์แบบพับเก็บได้ เบาะโดยสารทำจากวัสดุหนัง Nappa แบบนุ่ม ในส่วนของเบาะนั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารด้านหน้า และเบาะผู้โดยสารแถวสองมาพร้อมกับระบบนวดไฟฟ้า และระบบเป่าลมเย็น/อุ่นร้อน มีหน้าจอ OLED แบบทัชสกรีนขนาด 15.05 นิ้ว และติดตั้งหน้าจอเสมือนบนกระจก AR-HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมหน้าจอเพดานสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบ Touch Screen OLED ขนาด 17 นิ้ว ทำงานอย่างเหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวนสองชุด เพื่อเสริมการประมวลผลที่รวดเร็วและทรงพลัง รองรับคำสั่งได้ถึง 60 ล้านคำสั่งต่อวินาที รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA จำนวน 30 ตัว ที่พร้อมให้ความบันเทิงได้ในทุกการเดินทาง
เงียบสงบเป็นส่วนตัวแม้จะเดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 120 กม./ชม. แต่เสียงภายในห้องโดยสารดังเพียง 64.5 เดซิเบล สามารถผ่อนคลาดได้ทุกการเดินทาง บรรจุตู้เย็นความจุ 8.6 ลิตร ที่สามารถทำความเย็นได้ต่ำสุด -6 ถึง 15 องศาเซียลเซียส และทำความร้อนได้ตั้งแต่ 35 ถึง 50 องศาเซียลเซียส หลังจากลงจากรถ สามารถสั้งให้ตู้เย็นยังทำงานได้ต่ออีก 24 ชม. ZEEKR 009 มาพร้อมกับระบบ AI ผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน สามารถสั่งการทำงานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การนำทาง, สั่งเปิด/ปิดหลังคา, เปิดเพลง, สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และอื่นๆ อีกอย่างมากมาย โดยที่ตัวระบบสามารถทำงานพร้อมกันหลายคำสั่งได้อีกด้วย
สำหรับการออกแบบภายในห้องโดยสารของ MG MAXUS 9 ในรุ่น V ก็ไม่น้อยหน้า มีความพรีเมียม หรูหรา โดดเด่นด้วยหลังคาแบบ Dual Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ ทำให้ห้องโดยสารดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด สะดวกสบายได้ในทุกที่นั่งด้วยเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับ และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะแถวที่สองเป็นแบบ VIP Captain Seat ที่ให้คำจำกัดความไปในทิศทางเดียวกันกับ ZEEKR 009 คือความสะดวกสบายระดับ First Class บนเครื่องบิน มาพร้อมกับระบบนวดและระบบปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ ติดตั้งโต๊ะเอนกประสงค์แบบพับเก็บได้
มีจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ทำงานควบคู่กับระบบพลังเสียงด้วยลำโพง 12 ตำแหน่งรอบด้าน ติดตั้งช่องเสียบ USB มากถึง 9 ตำแหน่ง เสริมความพรีเมี่ยมด้วยกระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror อีกทั้งยังมี Ambient light ที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้มากถึง 64 เฉดสี เพิ่มความสุนทรีย์ให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในส่วนของระบบปรับอากาศเป็นแบบ Dual Zone ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
Editor Talk : สำหรับการออกแบบภายในห้องโดยสารก็ต้องขอยกให้กับทาง ZEEKR 009 เนื่องจากอัดแน่นมาด้วยความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีแบบล้ำๆ มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ให้สำหรับผู้โดยสาร รวมถึงตู้เย็นเหมาะแก่การเดินทางในระยะไกลๆ และที่เลดี้ชอบคือหลังคา Panoramic Roof ขนาด 1.21 ตารางเมตร แบบไร้คาน ทำให้สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างจัดเต็ม
สมรรถนะขุมพลังการขับเคลื่อน
มาถึงทางด้านสมรรถนะขุมพลังการขับเคลื่อนกันบ้าง โดยที่ ZEEKR 009 ขับเคลื่อนด้วย Dual Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 450 kW หรือเทียบเท่า 603 แรงม้า ให้แรงบิด 693 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 116 kWh ทำให้วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 686 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้ออัจฉริยะ ผสานกับ ECU 6 ชุดพร้อมเซ็นเซอร์รอบคัน สามารถปรับสลับรูปแบบการขับขี่ระหว่างระบบขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อได้ภายใน 0.4 วินาที มีระบบป้องกันการลื่นไถลอัจฉริยะ dTCS ที่สามารถตอบสนองภายใน 60 มิลลิวินาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 4.5 วินาที ซึ่งว้าวมากสำหรับรถไซส์นี้ และอย่างที่บอกไปว่าระบบช่วงล่างเป็นแบบถุงลม มาพร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ที่ช่วยลดแรงสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร เลดี้ได้มีโอกาสทดสอบช่วงล่างมาแล้วระดับนึง ก็ต้องขอบอกเลยว่าดีจริงสมคำร่ำลือ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโครงสร้างด้านท้ายของรถ ที่ผลิตจากอลูมิเนียมชิ้นเดียวมีความแข็งแรงสูง ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ส่วนทางด้าน MG MAXUS 9 ในรุ่น V ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh ทำให้วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ใช้งานสะดวกสบายด้วยสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 129 แห่งทั่วประเทศ โดยที่ DC Quick Charge สามารถชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh ส่วน Normal Charge สามารถชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 11 kWh (ระยะเวลาในการชาร์จขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า)
Editor Talk : ในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ก็ต้องยอมรับว่าทาง ZEEKR 009 เหนือกว่า MG MAXUS 9 ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ ระบบขับเคลื่อน ขนาดความจุของแบตเตอรี ระยะทางการขับขี่ รวมถึงความเร็วของอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามทั้ง ZEEKR 009 และ MG MAXUS 9 ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในรูปแบบของรถครอบครัว ดังนั้นแล้วขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ขับขี่ ว่า Performance แบบไหนถึงตอบโจทย์มากกว่า
เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัย
ZEEKR 009 มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ Autonomus Driving ประกอบด้วย กล้อง HD Camera 8MP, กล้อง Surround Camera 2MP, เรดาร์ Ultra-long 250M Wave Radar ที่ทำงานควบคู่กับระบบสั่งงานด้วยเสียง AI-Mate EVA Voice Assistant เรียกว่าให้แบบจัดเต็มเลยทีเดียว ในส่วนของช่วงล่างเป็นแบบถุงลม High Performance Air Suspension Package พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง รอบคัน และระบบความปลอดภัยดังต่อไปนี้
- LCC (ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางกลาง)
- ACC (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน)
- CMSF (ระบบช่วยบรรเทาและซับแรงการชนจากด้านหน้า)
- CMSR (ระบบช่วยบรรเทาและซับแรงการชนจากด้านหลัง)
- LKA (ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน)
- LDW (ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน)
- LDP (ระบบช่วยควบคุมตัวรถโดยการปรับองศาพวงมาลัย)
- BSD ( ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา)
- DOW (ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู)
- TSI (ระบบช่วยเตือนความเร็วตามป้ายจราจร)
- DPS (ระบบตรวจสอบความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่)
- Speeding Reminder (ระบบช่วยเตือนความเร็วเกิดกำหนด)
- Capacitive Steering Wheel Hands-off Monitoring (ระบบตรวจสอบการจับพวงมาลัย)
- APA (ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ)
- PEB (ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ)
- ALC (ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ)
MG MAXUS 9 ในรุ่น V มาพร้อมโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ อาทิ
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
Editor Talk : สำหรับ ZEEKR 009 ไม่มีรุ่นย่อย มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,099,000 บาท หากเทียบกับวัสดุที่ลักซ์ชูรี รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีที่ทาง ZEEKR ให้มา เลดี้ว่าราคานี้สมน้ำสมเนื้อแล้ว แต่ถ้าใครที่มีงบประมาณย่อมเยากว่า MG Maxus 9 คือทางเลือกของคุณ ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,699,000 บาท ในรุ่น V ที่เป็นตัวท็อปสุด ก็จะได้สิ่งอำนวยความสะดวกที่สูสีกับทาง ZEEKR 009 ค่ะ สรุปรวมๆ ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ส่วนหน้าตาเลดี้ขอลงคะแนนให้กับลุคมาเฟียของ 009 แต่ตอนนี้ไม่มีตัง ขอยืมมาขับเล่นหน่อยค๊าาา
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น