ทำไม Tesla จึงเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ต่างตั้งเป้าที่จะไปให้ถึงจุดนี้ หรือจะต้องเร่งแซงให้ได้ในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง Tesla มีอะไรดี บทความนี้เราจะพามาเจาะลึกกัน
Tesla ไม่ใช่บริษัทรถยนต์
Tesla นั้นไม่ใช่บริษัทรถยนต์ แต่เป็นบริษัทเทคโนโลยี หรือ Tech company สัญชาติสหรัฐอเมริกา ที่มีการใช้งานจริงกับสิ่งของที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวันอย่างรถยนต์ บริษัท Tech company มักจะมีการสร้างนวัตกรรมยุคถัดไปอย่างระบบ AI หรือหุ่นยนต์ออกมา
โดยเฉพาะเจ้า AI ที่เราใช้งานกันอย่างแพร่หลาย มันก็ยังอยู่แค่ในหน้าจอแสดงผลต่างๆ ออกมา สร้างเป็นข้อความ หรือภาพเท่านั้น
แต่ Tesla ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำ AI เช่นเดียวกัน ได้นำเอาเจ้า AI เข้ามาอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเทสลา สามารถทำงานได้เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยในการขับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างไปจากรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในท้องตลาดค่อนข้างมาก ที่มักจะมีพื้นฐานจากรถยนต์สันดาป แต่เปลี่ยนรูปแบบพลังงานมาเป็นไฟฟ้า ซึ่งใช้หลักคิดแตกต่างจาก Tesla อย่างสิ้นเชิง
ทำให้เราสามารถสัมผัสการทำงานของระบบ AI ในรถยนต์ Tesla ได้ชัดเจนมากๆ จากการช่วยเหลือขับขี่ของรถยนต์ในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งการใช้งานกับระบบ Autopilot, การหลบหลีกสิ่งกีดขวางในกรณีฉุกเฉิน และการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉินโดยอัตโนมัติของตัวรถ ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้ขับขี่
นวัตกรรมเด่น Tesla
นวัตกรรมเด่นของ Tesla ที่ผู้พัฒนารถยนต์หลายค่าย รวมถึงผู้ใช้งาน ต่างยกย่องว่าเป็นจุดเด่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ประกอบด้วย
- โครงสร้างตัวถังนิรภัย ที่สร้างมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
- การออกแบบที่ใส่ใจกับการบริหารจัดการพลังงานขั้นสูงสุด
- ระบบคอมพิวเตอร์อันทรงพลัง รองรับการอัพเดทออนไลน์ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน
- ระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง
- ระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองได้รวดเร็ว
- ระบบ AI ที่ช่วยทำให้ทุกการเดินทาง ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- แอปพลิเคชั่น Tesla ที่ใช้งานสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้กุญแจอีกต่อไป
- โครงข่ายสถานีชาร์จ Tesla Supercharger ที่ขึ้นชื่อว่าใช้งานง่ายที่สุดในโลก
โครงสร้างตัวถัง Tesla
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกรุ่น ใช้โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ 2 ชั้น มาตรฐาน EURO NCAP 5 ดาว ที่ประกอบด้วยชุดโลหะโครงสร้างหลากหลายชนิด ถักทอกันเป็นโครงสร้างของตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ลดโอกาสการพลิกคว่ำได้อย่างยอดเยี่ยม และผลิตได้อย่างรวดเร็ว โดยตัวชุดแบตเตอรี่ของตัวรถ ก็จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรถยนต์ด้วย
โดยชุดโลหะโครงสร้างใช้เป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน มี 4 ประเภท เพื่อทำให้สามารถลดแรงกระแทกที่เกิดจากการชน และสามารถปกป้องชีวิตผู้โดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม จำแนกตามสีได้ดังนี้
- สีแดง ทำจากโลหะความแข็งแกร่งสูงพิเศษ Ultra High-Strenght Steel ออกแบบมาเพื่อไม่ให้โครงสร้างห้องโดยสารเสียรูปเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตของผู้โดยสารทุกคน โดยลักษณะของโครงสร้างชุดนี้ จะคลอบคลุมห้องโดยสารทั้งหมด
- สีเหลือง ทำจากโลหะความแข็งแกร่งสูง High-Strenght Steel ออกแบบมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตัวรถยนต์และห้องโดยสารเป็นพิเศษ โดยจะมีความแข็งแรงรองลงมาจากสีแดง
- สีฟ้า เป็นชุดตัวถังภายนอกของรถยนต์ที่เรามองเห็นกัน ทำจากโลหะที่มีความยืดหยุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อซับแรงกระทำที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุต่างๆ
- อลูมิเนียม ถูกใช้งานในหลายๆ ส่วนของตัวรถ มีความแข็งแรงสูง และมีน้ำหนักเบา
*ในรถที่ส่งมอบจริง ไม่ได้มีการทำสีเหล็กแบบนี้ เป็นการทำสีไว้เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาเท่านั้น
ด้านชิ้นส่วนตัวถังส่วนท้ายของตัวรถ ถูกสร้างด้วยเครื่อง Gigapress ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทันสมัยเป็นอันดับต้นๆ โดยสามารถลดชิ้นส่วนการผลิตจากเดิมที่ต้องใช้โลหะกว่า 70 ชิ้น เหลือเพียง 2 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้รถยนต์มีจุดเชื่อมต่อน้อยลง มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และในอนาคตจะลดให้เหลือเพียงชิ้นเดียว
ทำไมภายในรถ Tesla มีแค่จอกับพวงมาลัย
ภายในรถ Tesla มีแค่จอกับพวงมาลัย สาเหตุเกิดจากปรัชญาการออกแบบตัวรถที่มีแนวคิดว่า "ยิ่งมีชิ้นส่วนน้อย ยิ่งมีโอกาสเสียน้อย และทำให้ชิ้นส่วนที่น้อย มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด"
Tesla จึงออกแบบให้ทุกสิ่งทุกอย่างของรถ อัดแน่นรวมอยู่ในหน้าจอเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เกิดโอกาสที่ปุ่มบางปุ่มในอนาคตจะไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุ การที่มีชิ้นส่วนน้อย ย่อมทำให้เกิดโอกาสแตกหักได้น้อย ลดโอกาสที่ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บนั่นเอง
ส่วนในกรณีที่หน้าจอกลางเกิดปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้ ผู้ขับขี่ยังคงสามารถขับรถได้ตามปกติ ทว่าจะไม่สามารถควบคุมเมนูปลีกย่อยต่างๆ ของตัวรถได้เลย ทำให้จำเป็นต้องเข้าไปเปลี่ยนหน้าจอใหม่
Tesla ประหยัดไฟฟ้า
Tesla เป็นรถที่ออกแบบมาให้ใช้งานไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ไฟฟ้าขนาดไม่เกิน C-Segment จะใช้ไฟฟ้า 1 หน่วย ขับได้ระยะทางราวๆ 6 กิโลเมตร แต่ใน Tesla Model 3 รุ่น RWD สามารถวิ่งได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร โดยมีสาเหตุมาจาก
- การออกแบบตัวรถให้มีความลู่ลมสูง เน้นเรื่องช่องลมเป็นพิเศษ เพื่อประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์
- ระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้ไฟฟ้าน้อยเมื่อกดคันเร่ง และใช้มอเตอร์เพื่อลดความเร็วแทนการใช้เบรก ช่วยทำให้สามารถปั่นไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ ทำให้ประหยัดไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ทำงานในทุกรูปแบบ ทั้งการขับด้วยตนเอง หรือให้ตัวรถขับให้
- มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพสูง มีอัตราสูญเสียพลังงานต่ำ ตอบสนองได้รวดเร็ว
คอมพิวเตอร์ Tesla
คอมพิวเตอร์ คือหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า อย่างที่เราทราบกันว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้น ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมแทบจะทุกสิ่งอย่างในรถยนต์ การที่มีคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ย่อมเป็นการดีกว่า
Tesla ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 2024 ใช้ Hardware 4.0 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Hardware 3.0 ถึง 5 เท่า มาพร้อมกับกล้องรอบคันที่มีความคมชัดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล ทำให้มีความสามารถในการมองเห็นวัตถุโดยรอบได้อย่างยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม
ส่วนหน้าจอประมวลผลกลางของตัวรถ ใช้ CPU AMD Ryzen มาตรฐานเดียวกันกับที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เราใช้งานกันในชีวิตประจำวัน ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ ค่าย ที่ยังนิยมใช้ CPU ชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในสมาร์ทโฟน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ต่ำกว่า
ระบบระบายความร้อน Tesla
ระบบระบายความร้อนของ Tesla ถูกติดตั้งอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของตัวรถ และซ่อนอยู่ใต้ช่องเก็บของอีกทีหนึ่ง โดยออกแบบให้แผงหม้อน้ำติดตั้งในมุมเฉียง เพื่อทำให้สามารถรับอากาศได้อย่างเต็มที่ขณะที่รถกำลังวิ่ง และมีพัดลมช่วยดูดลมแทน ในกรณีที่ขับรถด้วยความเร็วต่ำ
ส่วนข้อกังวลเรื่องความสะอาดของแผงหม้อน้ำตัวรถ Tesla ประเทศไทยให้คำตอบว่า สามารถเข้ามาล้างทำความสะอาดที่ศูนย์บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดกันชน ด้วยค่าบริการเพียง 1,500 บาทเท่านั้น
และฝากแจ้งมาว่า ไม่ควรติดตั้งตะแกรงกันฝุ่นที่ช่องรับลมด้านหน้าตัวรถ เพราะจะทำให้ตัวรถมีความสามารถในการระบายความร้อนที่ต่ำลงกว่าที่ควรจะเป็น
ระบบขับเคลื่อน Tesla
ระบบขับเคลื่อนของ Tesla ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่เทสลาออกแบบขึ้นมาเอง ซึ่งเรียกชื่อรวมๆ ว่า "ชุดขับเคลื่อน ที่ทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของรถยนต์สันดาป ถูกรวมเอาไว้อยู่ในชุดเดียว
โดยชุดระบบขับเคลื่อนของ Tesla จะมีขนาดเล็ก และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีอุปกรณ์หลายชนิดอัดแน่นอยู่ภายใน ประกอบด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อน, ระบบไฟฟ้า, ชุดควบคุมการทำงาน, ระบบส่งกำลัง และอื่นๆ
โดยมีจุดเด่นที่การตอบสนองอันรวดเร็วเพียง 0.01 วินาทีเท่านั้น มีพละกำลังขับเคลื่อนสูง และใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา มีความประหยัดไฟฟ้า แม้ใช้แบตเตอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่สามารถทำระยะทางขับขี่ได้ไกลกว่า 400 กิโลเมตรในทุกรุ่นย่อย
ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มีรหัสไม่เหมือนกัน ออกแบบมาไม่เหมือนกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มกำลังขับให้สูงขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Tesla จะไม่เหมือนกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรถยนต์สันดาปอย่างสิ้นเชิง เพราะระบบ Traction control ในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการควบคุมระบบ Traction control ของรถยนต์สันดาปนั้น จะทำได้ละเอียดน้อยกว่าการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้า
Tesla AI
ระบบ AI ของ Tesla นับเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาปฎิวัติการพัฒนารถยนต์ไปอย่างสิ้นเชิง จากแต่ก่อนที่ต้องเขียนคำสั่งขึ้นมานับแสนบรรทัด เปลี่ยนมาเป็นให้ระบบ AI เข้ามาช่วยคิดแทนทั้งหมด ซึ่งทำให้การพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัตินั้นพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด เพราะตัวรถสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ส่งผลทำให้ทุกการเดินทางมีความปลอดภัยมากย่ิงขึ้น และสะดวกสบายเสมือนมีคนขับรถให้จริงๆ
อีกทั้งระบบ AI ของ Tesla มีการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันทั้งโลก ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเทสลา สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ของมนุษย์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเทสลา มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
โดยจากสถิติของเทสลาพบว่า การใช้ระบบ Autopilot ในการเดินทางนั้น ปลอดภัยกว่าการขับรถด้วยตนเองถึง 10 เท่า (ข้อมูลจากในประเทศสหรัฐอเมริกา)
แอป Tesla
แอป Tesla คือประสบการณ์ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เหมือนใคร โดยคุณสามารถควบคุมรถทั้งคันผ่านมือถือได้อย่างง่ายดาย และสามารถใช้มือถือทดแทนกุญแจรถยนต์แบบเดิมได้เลย ประกอบกับยุคปัจจุบันที่เป็นยุค Casless society ใช้มือถือเครื่องเดียว สามารถทำแทบทุกอย่างได้ รวมไปถึงธุรกรรมทางการเงิน จึงไม่แปลกที่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา จะพกเพียงแค่มือถือเครื่องเดียว โดยไม่จำเป็นต้องพกอย่างอื่นติดตัวเลย
Tesla Supercharger
Tesla Supercharger คือโครงข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้ง่ายที่สุดในโลกจนแทบจะไม่ต่างจากการเติมน้ำมัน เพียงแค่คุณถอดหัวชาร์จมาเสียบเข้ากับที่ตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ก็สามารถเริ่มต้นการชาร์จได้ทันที ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุดถึง 250 kW
ประกอบเข้ากับความประหยัดไฟฟ้าของตัวรถ ทำให้ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถขับต่อได้ถึง 280 กิโลเมตร ใน Model 3 และ 260 กิโลเมตร ใน Model Y พร้อมชำระเงินได้ง่ายๆ ด้วยการตัดจากบัตรเครดิตที่ผูกเอาไว้
แบตเตอรี่ Tesla ในไทย
รถยนต์ไฟฟ้าเทสลาในประเทศไทย มีแบตเตอรี่ 2 ชนิด ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นดังต่อไปนี้
- Tesla Model 3 และ Model Y รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ความจุ 60 kWh
- Tesla Model 3 และ Model Y รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน NMC ความจุ 74 kWh
นวัตกรรมถัดไปของ Tesla
นวัตกรรมถัดไปของ Tesla คือ Robotaxi เป็นไอเดียที่ว่าด้วยเรื่องของการใช้งานรถยนต์ในชีวิตประจำวันของคนเรา ที่มักจะใช้งานอยู่ราวๆ 3 ชั่วโมง/วัน อาทิเช่น ตอนเช้าขับไปทำงาน ตอนเย็นขับกลับบ้าน ตอนกลางคืนก็นอน ซึ่งทำให้รถไม่ได้ถูกใช้งานมากกว่า 20 ชั่วโมง/วัน
จะดีกว่าไหม ถ้ารถยนต์ของเรา สามารถวิ่งออกไปทำงานแทนเรา ไปทำหน้าที่ Taxi รับ-ส่งผู้โดยสารด้วยตนเองได้ ช่วยสร้างรายได้ให้กับเรา ในเวลาที่เราไม่ได้ใช้รถยนต์
กระทั่งในเวลาที่คุณใช้งาน คุณก็ไม่จำเป็นต้องขับเองอีกต่อไป เพราะเพียงแค่เลือกว่าอยากไปที่ไหน รถก็จะพาคุณไปให้เองโดยที่คุณไม่ต้องควบคุมมัน ซึ่งง่ายเปรียบเสมือนการขึ้น-ลงลิฟต์เลยทีเดียว
จุดอ่อนของ Tesla ในประเทศไทย
จุดอ่อนสำคัญของ Tesla ในประเทศไทย หนีไม่พ้นเรื่องของ "เบี้ยประกันภัย" ที่ค่อนไปทางสูง โดยค่าเบี้ยประกันภัย ทุนประกันราว 1.5 - 2 ล้านบาท ของรถ Tesla จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 ตั้งแต่ 3.x - 7 หมื่นบาท แล้วแต่บริษัทประกันภัย และแล้วแต่รูปแบบการใช้รถยนต์ ซึ่งค่อนข้างมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ Tesla ของหลายๆ คน
โดยเรื่องนี้ หากเป็นกลุ่มผู้ใช้งานรถยนต์ที่มีราคามากกว่า 2 ล้านบาทมาโดยตลอด อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าราคาสูงไปนัก แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ใช้งานรถยนต์ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทมาก่อน ส่วนใหญ่ยังยอมรับว่า "เบี้ยประกัน Tesla ค่อนข้างแพง"
ประการต่อมาคือเรื่องความกังวลด้านศูนย์บริการ แม้ว่า Tesla จะพยายามขยายโครงข่ายศูนย์บริการรถยนต์เทสลารวมถึงศูนย์ซ่อมตัวถังและสีในหัวเมืองต่างๆ แต่โดยปกติแล้วผู้ใช้งานรถยนต์ชาวไทย มักจะคุ้นชินกับการมีศูนย์บริการใกล้บ้านมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องอาศัยการผลักดันกันต่อไปในอนาคต
เบื้องหลัง Tesla
พบกับเบื้องหลังนวัตกรรม Tesla ได้ในงาน Motor Expo 2024 ตั้งแต่วันที่ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2567 หลังจากนั้นจะนำไปจัดแสดงต่อที่โชว์รูม Tesla ประเทศไทย ถนนรามคำแหง
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น