รีวิว Ford Everest 2.0 Bi-Turbo 4x4 2020 ขับดีกว่าเพื่อน ออปชั่นแน่นกว่าใคร Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Ford Everest 2.0 Bi-Turbo 4x4 2020 ขับดีกว่าเพื่อน ออปชั่นแน่นกว่าใคร

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 27 October 2563

รถยนต์คันแรกของใครหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นรถเก๋งขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ทว่าเมื่อเริ่มมีครอบครัว หรือมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาในครอบครัว รถยนต์คันที่ใช้อยู่อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ


Ford Everest รถ PPV ที่ขับดีที่สุดในกลุ่ม

เมื่อพูดถึงรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ หากพิจารณาจากปัจจัยด้านการใช้งาน รถยนต์ประเภท SUV และ PPV ทั้งแบบแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง จะมีข้อดีตรงที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารที่มากกว่ารถเก๋งทั่วไป เนื่องด้วยรถยนต์ประเภทนี้มีจุดเด่นที่ตัวรถที่ดูใหญ่กว่า ส่งผลให้มีห้องโดยสารกว้างขวาง และสูงกว่ารถเก๋งนั่นเอง ทำให้รถยนต์ประเภทนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ที่ต้องการขยายขนาดครอบครัว

ทางด้านงบประมาณ หากท่านมองหารถยนต์แบบ SUV/PPV ที่มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้าง มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเลือกในตลาดตอนนี้ก็มีหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นฝั่งรถยนต์ SUV ที่มีพื้นฐานจากรถกระบะนำมาดัดแปลง หรือที่เราเรียกกันว่า PPV อย่าง Toyota Fortuner, Misubishi Pajero Sport, Isuzu Mu-X Nissan Terra และ Ford Everest และอีกตัวเลือกอย่างรถประเภท SUV แท้ๆ ไม่ว่าจะเป็น Honda CRV, Mazda CX-8, Mazda CX-5 และ Subaru Forester

 

 

หลายท่านอาจคุ้นชินกับคำสบประมาทว่า รถ SUV พื้นฐานกระบะ หรือที่หลายๆ ท่านเรียกว่า PPV ยังไงก็ไม่อาจเทียบความนุ่มนวลกับรถ SUV แท้ๆ ได้นั้น มันก็จริงอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นอื่นในตลาด ทว่า Ford Everest มันสามารถลบคำสบประมาทนี้ได้แทบจะหมดจรด ถึงขั้นที่เราขอยกให้มันเป็นรถ PPV ที่มีช่วงล่างดีที่สุดในกลุ่ม และอาจดีกว่า SUV แท้ๆ บางรุ่นด้วยซ้ำไป อีกทั้งรถที่มาจากพื้นฐานกระบะ ตัวถังของมันก็เป็นโครงเหล็กแชสซีอันแข็งแกร่งเหนือโครงสร้างแบบตัวถังของ SUV แท้ๆ เพราะงั้นแล้ว การจะหารถยนต์นั่งสักคันแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เอาไว้ลุยดิบๆ โหดๆ บุกป่า ฝ่าดง PPV นี่แหละ คือคำตอบของท่าน

และหากจะเลือก PPV ที่มีช่วงล่างดีเยี่ยมแต่เกิด Ford Everest คือคำตอบ

 

 

Ford Everest ภายนอกดุ ออปชั่นแจ่ม

ดีไซน์ภายนอกของ Ford Everest 2.0 คันที่เรานำมาทดสอบครั้งนี้ เป็นรุ่นท็อบสุดแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันมีชื่อรุ่นเต็มๆ ในทางการตลาดว่า Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ติดเทอร์โบคู่ ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร

โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED อันทรงพลัง พร้อมไฟ DRL เสริมความโดดเด่นในเวลากลางวัน พร้อมกระจังหน้า 8 เหลี่ยม ดีไซน์แบบเดียวกับรถกระบะตระกูล Ford Ranger ตัดเส้นด้วยขอบโครเมี่ยมทั้งชิ้น ดูโดดเด่น ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศให้มากขึ้น ส่งผลให้ลดแรงต้านอากาศ ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

 

 

ด้วยความสูงของรถที่ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องมีการติดตั้งบันได สำหรับขึ้นห้องโดยสารได้โดยสะดวก โดยภายในห้องโดยสารมีมือจับ สำหรับใช้โหนตัวเข้าไปนั่งด้านในได้โดยง่าย ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี

โดยบันไดข้างรถทั้ง 2 ฝั่ง มีความแข็งแรงสูงมาก สามารถยืนโหนไปโหนมาได้แบบสบายๆ โดยเฉพาะเวลาล้างรถที่ต้องปีนขึ้นไปเช็ดบนหลังคารถ ก็มีราวหลังคาอันแข็งแกร่ง เอาไว้ยึดเหนี่ยวตัว หรือจะใช้ติดแร็คบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้

 

 

ด้ายท้ายรถ โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED และโลโก้ Everest ขนาดใหญ่ ในแถบโครเมี่ยม ส่วนประตูห้องเก็บสัมภาระเป็นระบบไฟฟ้า

 

 

Ford Everest ภายในรุ่นท็อป

ภายในห้องโดยสารของ Ford Everest มาในโทนสีดำ ระบบความบันเทิงครบครัน โดยเฉพาะระบบ Apple CarPlay ซึ่งนับได้ว่าเป็นของจำเป็นสำหรับรถยนต์ยุคสมัยนี้ไปแล้ว

 

 

พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน มัลติฟังก์ชั่น มาพร้อมกับปุ่มควบคุมระบบการทำงานของทั้งตัวรถ และเครื่องเสียงครบครัน

 

 

เรือนไมล์ เป็นแบบเข็มและหน้าจอดิจิตอล โดยหน้าจอฝั่งซ้ายจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับระบบมัลติมีเดีย, อุณหภูมิภายนอก, ทิศ, นาฬิกา และตำแหน่งของเกียร์อัตโนมัติ ตรงกลางเป็นเรือนไมล์จับความเร็วแบบเข็ม พร้อมไฟบอกตำแหน่งของเกียร์ทางด้านล่าง

ส่วนหน้าจอด้านขวา จะเป็นมาตรวัดรอบเครื่องระบบดิจิตอล, สถานะการทำงานของระบบเรด้าร์, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าข้อมูลมันอัดแน่นจนเกินไป จนทำให้ข้อมูลฝั่งขวามันเล็กไปสักหน่อย โดยเฉพาะมาตรวัดรอบเครื่องที่ค่อนข้างเล็กมากก

 

 

ระบบแอร์แบบอัตโนมัติ ปรับแยกอิสระ พร้อมแอร์ผู้โดยสารตอนที่ 2 และ 3

 

 

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองได้ในโหมด Sport โดยสามารถกดปุ่มเพิ่ม/ลดเกียร์ ได้ที่หัวเกียร์

 

 

เบาะนั่งคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า มีขนาดใหญ่ นั่งสบาย ตัวหนังหุ้มเบาะให้สัมผัสที่นุ่มนวล อีกทั้งยังสามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า และอีกหนึ่งจุดเด่นที่คู่แข่งไม่มีนั่นคือหลังคาแก้วแบบ พาโนรามิก ซันรูฟเต็มบาน เพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี

 

 

ซันรูฟ แยกเปิดแค่ครึ่งเดียวได้

 

 

เบาะนั่งตอนหลัง มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถนั่ง 3 คนได้อย่างสบายๆ ไม่อึดอัด หรือถ้าจะนั่ง 2 คน ตรงเบาะกลาง สามารถดึงออกมาเป็นที่วางแขนได้ อีกทั้งยังมีที่วางแก้วให้ด้วยถึง 2 ตำแหน่ง

 

 

ผู้โดยสารด้านหลัง สามารถปรับระดับแอร์แยกอิสระจากตอนหน้าได้ และยังมีช่องสำหรับเสียบชาร์จแบตเตอร์รี่ทั้งแบบช่องจุดบุหรี่ และแบบปลั้กไฟบ้าน

 

 

เบาะนั่งแถว 3 สามารถกางและพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งรถคันนี้ออกแบบให้การพับเบาะเป็นแบบเรียบเสมอพื้นห้องเก็บของด้านหลัง อีกทั้งยังมาพร้อมกับแอร์ด้วย และยังให้พื้นที่กว้างขวางกำลังดี คนตัวขนาดกลางๆ สามารถนั่งได้ไม่อึดอัด ทดสอบด้วยการนอนแล้ว สามารถนอนได้

ทว่าหากใช้งานเบาะที่ 3 จะทำให้สูญเสียพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังไป

 

 

Ford Everest 2.0 Bi-Turbo ระบบความปลอดภัย

- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผัน
- ระบบเตือนก่อนการชน
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- กล้องถอยหลัง พร้อมเส้นกะระยะ หมุนตามพวงมาลัย
- เซ็นเซอร์เตือนการชนรอบคัน
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน
- ระบบเบรก ABS
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบกุญแจ Keyless
- ระบบตรวจจับแรงดันลมยาง


Ford Everest 2.0 Bi-Turbo ระบบอำนวยความสะดวก

- เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า
- เบาะนั่งแถว 3 กางและพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบนำทาง
- ระบบช่วยจอดรถ

 

 

 

 

ทดลองขับ Ford Everest ตัวท็อป

ในส่วนของการขับเจ้า Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT คันนี้ เราทดสอบขับขี่กันไปทั้งหมดกว่า 1,000 กิโลเมตร ทั้งบนเส้นทางไฮเวย์, ทางชนบท และถนนหลวงแบบทั่วไป เพื่อทดสอบในเชิงการใช้งานจริงของรถว่าเป็นอย่างไร

สิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกของรถคันนี้ นั่นคือมุมมองในการขับที่มองได้ค่อนข้างกว้างไกล ทัศนวิสัยที่ได้รับจากรถคันนี้ถือว่าดีเยี่ยม มุมอับสายตาของรถถือว่ามีค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะทางด้านข้างที่ตัวรถมีระบบเตือนมุมอับสายตามาช่วยอำนวยความสะดวกมาให้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี

แต่สิ่งที่อยากจะให้เพิ่มเติมในโมเดลต่อไปของรถรุ่นนี้ นั่นคือระบบกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา เพราะในรถยนต์นั่ง PPV ระดับราคา 1.8 ล้านบาท คู่แข่งใส่มาให้แล้วทุกรุ่น

น้ำหนักของพวงมาลัยรถรุ่นนี้จัดว่ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาถึงเบามาก ด้วยความเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าแบบเต็มระบบ ทำให้การหมุนพวงมาลัยสามารถทำได้ง่ายดาย ทำให้การควบคุมรถในความเร็วต่ำ โดยเฉพาะการขับในเมือง ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายดายมากๆ สวนทางกับรูปลักษณ์ภายนอกของรถที่ดูใหญ่ แต่กลับควบคุมได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

เบาะนั่งของรถ จัดว่านุ่มสบาย นั่งขับยาวๆ ระดับ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ไม่มีอาการเมื่อยล้าออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย อันนี้ดีเยี่ยมมากๆ

 

 

ช่วงล่างของรถคันนี้ จัดว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่เปรียบเทียบในคลาสเดียวกันแบบไม่ต้องคิดเยอะ เพราะรถ PPV เอกลักษณ์ของรถประเภทนี้คือ "ความกระด้าง" ไม่ว่าจะขับบนถนนแบบไหน เรียกได้ว่าผู้โดยสารทั้งคันรถ สามารถสัมผัสได้ถึงความไม่เรียบเนียนของท้องถนนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ทว่าใน Ford Everest มีการปรับเซ็ตช่วงล่างมาให้มีความนุ่มนวลสูงมาก และออกแบบรถให้มีการทรงตัวที่ดี ทำให้การขับขี่ในย่านความเร็วไม่ว่าจะต่ำ หรือสูงมาก รถก็ยังมอบความนุ่มนวลได้อย่างดีเยี่ยม และเกาะถนนได้ดีมากๆ อันนี้ต้องขอชื่นชม

 

 

พละกำลัง 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ของ Everest Bi-Turbo มีมาให้ใช้งานเพียงกดคันเร่งลงไปถึงระดับกลาง รถก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ด้วยขุมพลังเทอร์โบคู่อันทรงพลัง ไม่ว่าจะใช้ในการออกตัว หรือเร่งแซงรถคันใดบนถนน ในย่านความเร็วระดับ 100-120 กม./ชม. แทบจะไม่ต้องลุ้นอะไรให้มากมายนัก เรื่องนี้หายห่วง

ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยที่ทำได้ เราทดสอบด้วยการเดินทางไกล ผู้โดยสารรวมคนขับทั้งหมด 5 คน พร้อมสัมภาระจัดเต็ม สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยได้ที่ 10 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าไม่ได้กินดุมากนัก เมื่อเทียบกับความเร็วที่ใช้งานเฉลี่ยราว 100-130 กม./ชม.

 

สรุป

Ford Everest เป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ ที่มีออปชั่นครบครัน และมีความนุ่มนวลสูง อีกทั้งยังมีระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานถึง 10 ปีด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยครับ

อ่าน รีวิว Subaru BRZ
อ่าน รีวิว Subaru Forester
อ่าน รีวิว Mercedes-Benz GLA 250

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ