Honda CBR1000RR-R รถซุปเปอร์ไบค์ที่ถ่ายทอดมาจาก DNA แห่ง Honda RC213V ตัวแข่ง MotoGP ได้อย่างเต็มเปี่ยม ในระดับที่เราสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย
CBR1000RR-R รถที่ดี ไม่ใช่รถที่แรงอย่างเดียว
ขึ้นชื่อว่ารถ SuperBike แน่นอนว่าย่อมมากับประสิทธิภาพความเร็ว ความแรงระดับท็อปคลาสของโลก 2 ล้อ ในเรื่องของพละกำลังของรถในกลุ่มนี้เรียกได้ว่าไม่ใช่ข้อกังขาใดๆ มากจนเกินไปนัก เพราะเรื่องทำรถให้แรงนั้น เอาตรงๆ คือรถตระกูล SuperBike ล้วนแล้วแต่แรงตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเนิ่นนานแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ Honda CBR1000RR-R มีความน่าสนใจกว่ารถ SuperBike รุ่นที่ผ่านมา นอกจากมันเป็นรถที่มีพละกำลังสูงมากแล้ว ยังเป็นรถที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่กว่าใครในคลาส และควบคุมได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยในการรีวิวครั้งนี้ผมจะพูดถึง Honda CBR1000RR-R Fireblade SP อันเป็นรุ่นท็อปคลาสซึ่งเราได้ทำการทดสอบมาแล้ว
CBR1000RR-R การออกแบบ
รูปลักษณ์ภายนอกของ Honda CBR1000RR-R ถูกปรับใหม่ทั้งหมด ดูแตกต่างจากตระกูล CBR Series เดิมอย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่แบบ LED ดีไซน์ใหม่ที่เรียวกว่าเดิม มาพร้อมกับช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่บริเวณตรงกลางไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง
ชิวบังลมด้านหน้า ถูกออกแบบใหม่ให้ลดแรงปะทะจากลมมากกว่าเดิมด้วยการปรับอากาศความชันจากเดิม 45 องศา ลดลงเป็น 35 องศา
โช๊คอัพด้านหน้า เป็นโช๊คอัพหัวกลับแบบไฟฟ้าจากแบรนด์ Ohlins รุ่น NPX แกนสีทอง สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่านหน้าจอเรือนไมล์ของตัวรถ
ระบบเบรก เป็นดิสก์เบรกคู่ พร้อมปั้มเบรกจาก Brembo 4 พอต ถอดแบบมาจากตัวรุ่นพี่ RC213V-S โดยตรง
และบังโคลนด้านหน้า ถูกออกแบบให้จัดระเบียบการไหลของอากาศจากล้อหน้าไปยังแฟริ่งของตัวรถได้อย่างไหลลื่นขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้ดีกว่าเดิม
Honda CBR1000RR-R นำเอาดีไซน์การออกแบบจากรถแข่ง Honda RC213V ส่งตรงจาก MotoGP ด้วยแฟริ่งดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วย Winglet แบบ 3 ชั้น เพื่อเพิ่มแรงกดด้านหน้าของตัวรถเพื่อเพิ่มการยึดเกาะขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี
แฟริ่งทั้งคัน ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานจากอากาศให้น้อยที่สุด เพื่อเสริมความมั่นคงในการขับขี่ให้มากขึ้นไม่ว่าจะขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือการเข้าโค้ง
และชุดแฟริ่งด้านล่างถูกออกแบบให้อยู่ใกล้กับล้อหลังมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขับขี่บนพื้นทางที่แห้ง ตัวแฟริ่งจะช่วยลดแรงปะทะของอากาศที่ล้อหลังได้ดีขึ้น และบนถนนเปียก จะช่วยลดแรงปะทะจากน้ำที่กระทำไปยังล้อหลัง ช่วยรักษาอุณหภูมิของยาง และประสิทธิภาพการยึดเกาะพื้นทางของยางหลังให้ดีขึ้น
หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT สี ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครัน
ถังน้ำมัน ถูกปรับให้มีตำแหน่งต่ำลงถึง 45 มม. ช่วยให้การขับขี่ด้วยท่าทางแบบ Racing ในสนาม ทำได้ดีขึ้น ลดแรงปะทะจากลมได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ท่าทางการขับขี่ก้มต่ำลงมากกว่ารุ่นเดิม
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปิดไฟเลี้ยวอัตโนมัติ
CBR1000RR-R วาล์วเปิด โลกเปลี่ยน
อีกหนึ่งทีเด็ดของรถ Honda CBR1000RR-R แบบเดิมๆ จากโรงงาน นั่นคือท่อไอเสียไทเทเนียมจากแบรนด์ Akrapovic แบบเต็มระบบมาเลยจากโรงงาน โดยเจ้าท่อไอเสียตัวนี้มีระบบวาล์วควบคุมการคายไอเสียแบบแปรผัน เพื่อให้เครื่องยนต์รีดประสิทธิภาพสูงสุดพร้อมกับเสียงการทำงานอันทรงพลัง และยังผ่านเกณฑ์การควบคุมมลพิษของภาครัฐได้
ซึ่งระบบการทำงานของเจ้าท่อตัวนี้คือจะแบ่งทางเดินไอเสียออกเป็น 2 เส้นทาง โดยในขณะที่รอบเครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา ไอเสียจะวิ่งผ่านท่อตัวเล็ก ที่ถูกออกแบบให้มีการเดินแบบขดไปมา เพื่อให้ได้ค่าไอเสียตามมาตรฐาน แต่เมื่อใช้รอบเครื่องยนต์ราวๆ 7,000 รอบขึ้นไปโดยประมาณ ไอเสียจะถูกยิงตรงออกทางท่อใหญ่ ทำให้ได้เสียงที่ทรงพลังมากๆ ประดุจระบบ Vtec อันเลื่องชื่อของ Honda กำลังทำงานอยู่ โดยการใช้รอบการขับขี่สูงกว่า 7,000 รอบกับรถรุ่นนี้บอกเลยว่าเป็นการรีดประสิทธิภาพของตัวรถออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ช่วงล่างด้านหลังถูกปรับปรุงใหม่ เริ่มต้นจากสวิงอาร์มใหม่ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกระบวนการเชื่อมโลหะหลายชิ้นเข้าเป็นชิ้นเดียวกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักของสวิงอาร์ม
โช๊คอัพ ให้เป็นโช๊คอัพไฟฟ้า Ohlins TTX36 สามารถปรับระดับการทำงานต่างๆ ได้แบบเต็มระบบผ่านหน้าจอเรือนไมล์ของรถ
ส่วนยางหลังของทริปเปิ้ลอาร์คันนี้ ได้ถูกปรับให้ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 200/55 R17 เพื่อรองรับพละกำลังที่มากขึ้น จากที่ใช้ขนาด 190/50 R17 ในรุ่นก่อน
ระบบอิเล็กทรอนิคส์ CBR1000RR-R จะมีแกน IMU 6 แกน จากโฉมก่อนที่มี 5 แกน ซึ่งช่วยในการประมวลผลการทำงานของระบบต่างๆ ให้แม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โหมดคันเร่ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคในโค้ง, ระบบป้องกันหน้ายก, ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรค รวมถึงกันสะบัด ที่ทั้งหมดมีการประมวลผลตามความเร็วและองศาการเอียงของรถ
เทคโนโลยีเด่นใน Honda CBR1000RR-R
- ระบบ Quick Shifter ทั้งเพิ่มและลดเกียร์ โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ปรับระดับแรงกดได้ 3 ระดับ
- แกน IMU แบบ 6 แกนจาก Bosch ช่วยควบคุมความสมดุลของตัวรถตลอดการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ
- ระบบกันสะบัดไฟฟ้า ทำงานร่วมกับ IMU สสสามารถปรับระดับการทำงานได้ 3 ระดับ
- คันเร่งไฟฟ้า
- Traction Control รุ่นพิเศษ รองรับการขับขี่ในสนามโดยเฉพาะ ช่วยให้การขับขี่เข้าและออกโค้งด้วยความเร็วสูง ทำงานผสานกับคันเร่งเป็นไปได้อย่างนุ่มนวล
- โหมดการขับขี่ 3 โหมด สามารถตั้งค่าพรีเซ็ตตัวรถได้ทั้งคัน รวมไปถึงโช๊คอัพ
- ABS สามารถเลือกระดับการทำงานแบบในสนามแข่งหรือบนถนนได้
- ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน
- กุญแจคีย์เลส
เครื่องยนต์ Honda CBR1000RR-R 2020
ขุมพลังของตัวรถ ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส SC82E แบบ 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 1,000 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 10,500 รอบ/นาที (สามารถปรับจูนขึ้นเป็น 214 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาทีได้ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้น ได้แก่) แรงบิดสูงสุดที่ 113 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รอบ/นาที
สเป็ก Honda CBR1000RR-R 2020
เครื่องยนต์ | รหัส SC82E แบบ 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1000 ซีซี |
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 81.0 x 48.5 มม. |
อัตราส่วนกำลังอัด | 13.2:1 |
พละกำลังสูงสุด | สเป็คไทย 162 แรงม้า ที่ 10,500 รอบ/นาที EU Spec 214.5 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 113 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รอบ/นาที |
เกียร์ | 6 สปีด |
ระบบขับเคลื่อน | โซ่ |
ตัวรถ Honda CBR1000RR-R 2020
เฟรม | อลูมิเนียม ทวิน ทูป |
โช๊คหน้า | โช๊คอัพหัวกลับระบบไฟฟาจาก Ohlins รุ่น NPX ขนาดแกน 43 มม. |
โช๊คหลัง | โช๊คอัพโปรลิ๊งค์ระบบไฟฟ้าจาก Ohlins รุ่น TTX36 |
เบรคหน้า | ดิสเบรคคู่ ขนาด 330 มม. พร้อมปั้มเบรค 4 พอตจาก Brembo |
เบรคหลัง | ดิสเบรคเดี่ยว ขนาด 220 มม. พร้อมปั้มเบรค 2 พอต จาก Brembo |
ยางหน้า | Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 120/70 ZR17 |
ยางหลัง | Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 200/55 ZR17 |
มิติรถ Honda CBR1000RR-R 2020
ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 2,100 x 745 x 1,140 |
ความสูงเบาะ | 830 มม. |
ระยะฐานล้อ | 1,455 มม. |
ระยะห่างจากพื้นถึงท้องรถ | 115 มม. |
น้ำหนักตัวพร้อมใช้งาน | 201 กก. |
น้ำมันเชื้อเพลิง | 16.1 ลิตร |
ลองขับ Honda CBR1000RR-R SP
ในส่วนของการทดสอบขับขี่ Honda CBR1000RR-R SP ผมได้มาทดสอบกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ อันเป็นสังเวียนแข่งขันทั้ง MotoGP และเคยใช้แข่ง World SuperBike มาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความเป็นสนามแข่งรถระดับโลก ย่อมสามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพสูงสุดของเจ้ารถคันนี้ได้แบบสบายๆ
สัมผัสแรกเมื่อขึ้นคร่อมรถคันนี้คือ เป็นรถที่มีส่วนสูงไม่มากนัก เบาะนั่งของตัวรถสูงเพียง 830 มม. โดยตัวผมมีความสูงที่ 168 กก. สามารถวางเท้าทั้ง 2 ข้างถึงพื้นประมาณอุ้งเท้าได้แบบสบายๆ
เมื่อคร่อมลงไปกับรถในท่านั่งการขับขี่ พบว่าท่านั่งของตัวรถมีความหมอบต่ำมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ระดับหนึ่ง แต่ยังคงอยู่ในระดับการควบคุมที่ง่ายตามสไตล์รถ CBR Series ที่ค่อนข้างเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่
ใส่เกียร์ 1 แล้วออกตัวจาก Pit lane เข้าสู่ Racing line สิ่งที่พบถัดมานั่นคือรอบเครื่องยนต์ช่วงเกียร์ 1 มีมาให้ใช้เยอะมากๆ โดยปกติแล้วการขับขี่ในสนามนี้การขี่เข้าโค้งที่ 3 กับรถคลาส 1000 ซีซี มักจะนิยมใช้เกียร์ 2 มากกว่า ทว่า CBR1000RR-R ด้วยความที่ถูกพัฒนามาจากรถแข่งโดยตรง ซึ่งรถแข่งมักจะมีช่วงกำลังเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ท่านสามารถใช้เกียร์ 1 ในโค้ง 3 ได้เลย และรถมีกำลังที่สูงมากๆ ที่จะเปิดคันเร่งทะยานออกจากโค้งไปที่ระดับความเร็วมากกว่า 220 กม./ชม. ได้แบบไม่ยากเย็น เอาว่าเรื่องเครื่องยนต์ของรถคันนี้คือแรง ซะใจ หายห่วงเรื่องกำลัง แม้ว่าสเป็กรถจะให้มาที่ 162 แรงม้า แต่พอขี่จริงๆ แล้วบอกเลยว่าเหลือกินเหลือใช้จริงๆ กับระดับผู้ใช้งานระดับทั่วไปถึงระดับกลาง
ระบบ Quick Shifter ของ CBR1000RR-R SP เรียกได้ว่านุ่มนวลมากๆ ประดุจคลิกเมาส์ ท่านสามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์แม้แต่น้อยด้วยสัมผัสเบาๆ แต่หนักแน่นกับคันเกียร์เท่านั้นเอง ท่านก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสบายและไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วงในขณะเปลี่ยนเกียร์แม้แต่น้อย ณ จุดนี้ให้ 10/10
ถังน้ำมัน และชิวหน้า ถูกออกแบบมาให้ลาดต่ำลงกว่าเดิม ส่งผลให้ท่าทางการขับขี่ของเราหมอบต่ำมากกว่ารุ่นเดิมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ร่างกายของเราต้องหมอบต่ำมากกว่ารุ่นเดิมอย่างมาก อันเป็นผลดีต่อระบบอากาศพลศาสตร์ของตัวรถที่ถูกวางมาให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำกว่ารุ่นเดิม
การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงถือว่าทำได้เยี่ยมมาก ด้วยถังน้ำมันที่ออกแบบสรีระมาสำหรับขี่ในสนามโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถกริปรถได้แน่นมากๆ
ช่วงล่างติดรถเดิมๆ เรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้สำหรับการขี่ในสนามแข่ง เรียกได้ว่าไม่ต้องบรรยายสรรพคุณให้มาก เอาเป็นว่านี่แหละตัวจบ แถมยังควบคุมการทำงานได้ง่ายมากๆ ด้วยการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ผ่านหน้าจอเรือนไมล์ เพราะเจ้าโช๊คอัพของตัวรถเป็นระบบไฟฟ้าทั้งคัน
สรุป Honda CBR1000RR-R SP เป็นรถ SuperBike ตัวจบสุดสำหรับสาวกฮอนด้า ที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต โดยเฉพาะสาย Circuit หรือว่าชอบขี่ Trackday เป็นประจำ บอกได้เลยว่าคันนี้แหละครับ ของต้องมี ตัวจบของจริง กับราคาวางจำหน่ายที่ 1,119,000 บาท และออปชั่นระดับนี้ คุ้มมากๆ ครับ ท่านที่สนใจสามารถจับจองได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda BigBike ทั่วประเทศ
รีวิว Honda CBR650R
อ่าน รีวิว Honda CBR500R
รีวิว Honda CBR250RR
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น