รถยนต์ไฟฟ้า เป็นรถยนต์ที่ใครๆ ก็ต่างจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของมันที่ทรงพลัง การดูแลรักษาที่ไม่จุกจิกนัก แถมไม่มีการปล่อยไอเสีย เรียกได้ว่ารักษ์โลกสุดๆ แต่...รถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้มันเหมาะกับทุกคนแล้วหรือ?
รถยนต์ไฟฟ้า ดีอย่างไร เหมาะกับทุกคนไหม?
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ รถยนต์ไฟฟ้าที่วางจำหน่ายทั่วโลก เรียกได้ว่าเปิดออกมาจำหน่ายในทุกระดับราคาเลยทีเดียว ตั้งแต่รถยนต์แบบใช้งานทั่วไป เน้นขับคนเดียว หรือนั่งกันไม่กี่คน ในราคาหลักแสนบาทต้นๆ ไปถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบหรูหรา ราคาหลายสิบล้านบาท ก็มีให้เลือกสรรกันมากมาย
ส่วนในบ้านเรานั้น รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรถยนต์ไฟฟ้าแบบหรูหราที่มีประสิทธิภาพสูง ในราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างสูง ไปจนถึงระดับราคาครึ่งล้านบาท ก็มีให้จับจองกันแล้ว โดยมีแบรนด์รถยนต์ให้เลือกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแบรนด์ฝั่งสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และเอเชีย ต่างตบเท้าเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง
POCCO MM YX (ราคา 399,000 บาท)
The new EQS from Mercedes-EQ ยังไม่เปิดราคาจำหน่ายในไทย
รถยนต์ไฟฟ้า ดีไหม?
จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างที่ทุกคนทราบกัน นั่นคือการปล่อยไอเสียเป็น 0 ซึ่งเหมาะมากๆ กับประเทศที่มีการใช้รถยนต์จำนวนมาก เพราะนั่นจะช่วยลดการปล่อยไอเสียสู่อากาศได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งประสิทธิภาพการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เลย เพราะเป็นรถที่มักจะมีแรงบิดสูงตั้งแต่ช่วงต้น ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในชีวิตจริงมาก ที่เราไม่ได้ใช้ความเร็วสูงอะไรมากมายนัก แต่จะใช้ในการเร่งแซงบ่อยมากกว่า แถมเวลาเจอรถติดๆ ก็ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง เพราะการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในสภาวะการจราจรที่ติดขัด ยิ่งใช้ความเร็วต่ำมาก รถยนต์ไฟฟ้าจะมีอัตราบริโภคพลังงานที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์สันดาปเดิม
อีกทั้ง ราคาค่าไฟฟ้าต่อหน่วยนั้น เมื่อจับเทียบกันแบบกิโลเมตร ต่อ กิโลเมตร กับรถเครื่องสันดาปล้วนนั้น รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนด้านพลังงาน "ถูกกว่า" รถเครื่องสันดาปอยู่หลายเท่าตัว...ยกตัวอย่างเช่น หากคุณชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน ด้วยมิเตอร์ไฟฟ้าแบบ TOU ค่าไฟฟ้าช่วง Offpeak เพียงกิโลวัตต์ละ 2.6369 บาท เท่านั้นเอง ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างแก๊สโซฮอลล์ 95 เฉลี่ยลิตรละ 30 บาทเลยทีเดียว
ORA Good Cat ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
อ่านช่วงเกริ่นนำไปแล้ว เราก็เห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นมีข้อดีนานับประการ ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน ไหงกลายเป็นว่าหัวเรื่องของเรากลับจะว่ากันด้วยเรื่องของ "รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้เหมาะกับทุกคน" มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
1. ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่บ้าน
ในบ้านเรา รวมถึงหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน ก็ประสบปัญหานี้ด้วยกับการที่ว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่บ้าน" มีคนจำนวนไม่น้อยครับที่อาศัยอยู่ในห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นหอพัก, ห้องเช่า, คอนโด, อพาร์ทเม้น, อาคารชุด เพราะจุดด้อยของสถานที่เหล่านี้ล้วนตรงกันทั้งหมดคือ "ที่จอดรถ" ที่มักจะไม่ได้คลอบคลุม 100% ของจำนวนผู้ที่พักอาศัย และมีจำนวนไม่น้อยเลยที่ "ไม่มีที่จอดรถซะด้วยซ้ำ"
ครั้นมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อรถยนต์มาใช้สักคัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของเหตุผลด้านการทำงาน หรือเหตุผลส่วนตัว ปัจจัยพื้นฐานที่สุดของการครอบครองรถยนต์แล้วยังไงก็คือ "ที่จอดรถ" ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ณ ปัจจุบันนี้ยังคงต้องพึ่งพาการชาร์จแบตเตอร์รี่ที่กินระยะเวลาพอสมควร
หากคุณอยู่บ้าน มีที่จอดรถในบ้าน การติดตั้ง Wall charge ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด คุณสามารถกลับบ้านมากี่โมงก็ได้ และเสียบชาร์จไฟฟ้าเข้าไปด้วยกำลังไฟ 3.5 kWh - 22 kWh แล้วแต่การติดตั้ง ทิ้งไว้ยาวๆ แบบข้ามคืนได้อย่างสบายใจหายห่วง
แต่ถ้าคุณพักอยู่อาศัยตามสถานที่ที่ได้กล่าวไปเบื้องต้น มันไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่คุณต้องสละเวลาก่อนเข้าบ้านสัก 30 - 60 นาที เพื่อนำรถยนต์ไฟฟ้าไปชาร์จแบตเตอร์รี่ก่อนกลับบ้าน หรือคุณจะยอมตื่นเช้าไปชาร์จแบตเตอร์รี่ก่อนไปทำงานก็สามารถทำได้
แต่เชื่อไหม มันต้องมีสักวันที่คุณรู้สึกเหนื่อยแน่ๆ และคิดว่า ถ้ามีที่ชาร์จที่บ้านก็น่าจะดี...
แต่ปัญหานี้จะหมดไปทันที หากเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอร์รี่ สามารถชาร์จเร็วได้ใกล้เคียงกับการเติมน้ำมัน ซึ่งมันยังไม่ใช่ตอนนี้นี่สิ
2. ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่พอสมควร
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน (บทความนี้เขียนขึ้นในเดือนธันวาคม 2564) การชาร์จแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Quick charge จะนิยมชาร์จกันในระดับ 0-80% ของปริมาณความจุแบตเตอร์รี่สูงสุดของรถรุ่นนั้นๆ โดยปัจจุบัน ณ วันที่จัดทำบทความฉบับนี้ ตู้ชาร์จแบตเตอร์รี่ที่มีกำลังชาร์จสูงสุดในไทย สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะอยู่ที่ 150 kWh. โดยส่วนใหญ่แล้วรถยนต์ในท้องตลาดจะมีกำลังชาร์จช่วง 0-80% อยู่ราวๆ 20-40 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอร์รี่รถยนต์รุ่นนั้นๆ และความสามารถในการรับไฟฟ้าของรถยนต์รุ่นนั้นๆ ด้วย
3. ระยะทางต่อการขับยังจำกัด
ด้วยเทคโนโลยี ณ ขณะนี้ ระยะทางขับขี่ต่อ 1 การชาร์จนั้นยังมีระยะทางที่ตอบโจทย์กับการขับขี่ในเส้นทางประจำแล้ว อาทิเช่น คนที่ขับรถไป-กลับ จากบ้าน ถึงที่ทำงานเป็นประจำ หรือมีเส้นทางขับขี่เป็นประจำ เจ้ารถยนต์ไฟฟ้าถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแล้ว เพราะระยะทางต่อการใช้งานนั้นจัดว่าเพียงพอต่อการขับขี่
แต่ถ้าคุณจะนำรถไปขับทางไกล หรือเดินทางไปต่างจังหวัดนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงระยะทางจากจุดชาร์จหนึ่ง ไปอีกจุดชาร์จหนึ่งอยู่ เนื่องจากปัจจุบันนี้จุดชาร์จไฟฟ้านั้นยังไม่ได้แพร่หลายหรือหาง่ายเหมือนกับปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง
โดยหากนับเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในบ้านเรา มีระยะทางการขับ / 1 การชาร์จอยู่ราวๆ 150 - 700 กิโลเมตร ให้เลือกใช้งาน ยิ่งวิ่งได้เยอะ ยิ่งมีราคาสูง
4. ยังไม่เหมาะกับการเป็นรถคันเดียวในบ้าน
ทั้ง 3 ปัจจัยที่ได้เอ่ยมาแล้ว เห็นได้ว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เหมาะที่จะนำมาใช้งานเป็นรถคันเดียวในบ้านนัก ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่ได้กล่าวมา อีกทั้งวัฒนธรรมของบ้านเรานั้น หลายๆ บ้านมักจะมีรถยนต์เพียงคันเดียวในบ้าน การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นจัดว่ายังมีข้อจำกัดการใช้งานอยู่ระดับหนึ่ง
แต่ถ้าท่านเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว โดยเฉพาะท่านที่อยู่บ้าน สามารถติดตั้งที่ชาร์จในบ้านได้ มีระยะทางเดินทางในแต่ละวันชัดเจน หรือนานๆ ทีออกไปเที่ยวต่างจังหวัด และมักขับในเส้นทางสายหลักมากกว่า "รถยนต์ไฟฟ้า" ตอบโจทย์ที่สุด ณ เวลานี้ครับ เพราะข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่ารถยนต์น้ำมันในเรื่องพลังงานนั่นคือ "คุณจะมีพลังงานเต็มถังทุกครั้งที่ออกจากบ้าน" ต่างจากรถยนต์น้ำมันที่คุณต้องเข้าปั้มเพื่อเติมน้ำมันเท่านั้น
การแก้ปัญหา ไม่มีที่ชาร์จรถไฟฟ้า
ใช่ว่าเกิดปัญหาแล้วเราจะมัวแต่รอ เพราะถ้ามัวแต่รอ มันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก (จริงไหม?) เราขอยกตัวอย่างนโยบายของรัฐบาลประเทศอังกฤษที่มีการ วางแผนกำหนดให้บ้านและอาคารที่จะสร้างใหม่ ต้องมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมไปถึงอาคารที่กำลังจะปรับปรุงในอนาคต ต้องมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ด้วย นับเป็นการช่วยเพิ่มส่วนในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของภาคประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม เพราะมันจะช่วยตัดปัญหาเรื่องไม่มีที่ชาร์จแบตเตอร์รี่ออกไปได้เกือบทั้งหมดเลยทีเดียว เอาว่าอาศัยอยู่อพาทเม้นท์ก็ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะทุกที่มีที่ชาร์จรถแล้วนั่นเอง หมดปัญหาเรื่องต้องคอยหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
แรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ยังไม่เพียงพอ
อีกหนึ่งข้อที่เราต้องยอมรับว่า ในบ้านเรานั้น ปัจจัยตั้งต้นในการซื้อรถยนต์สัก 1 คัน นั่นคือ "งบประมาณ" นั่นเอง ซึ่งไอเดียหลักของบ้านเราในการซื้อรถ สิ่งที่คนไทยต้องการคือ
รถที่แรง ขับดี ออปชั่นครบ แต่ประหยัดพลังงาน และต้องไม่แพง
และยิ่งเป็นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยิ่งแล้วไปใหญ่ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าเอาตรงๆ แล้ว ณ ปัจจุบันนี้ ราคาค่าตัวของมันจัดว่า "สูง" เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องสันดาป ทำให้แรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั้นลดลง และส่งผลให้กลุ่มคนที่พร้อมใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นแคบลง อันเกิดมาจากปัจจัยด้านราคานั่นเอง
แต่ถ้าทาง "ภาครัฐ" เอาจริง เอาจังกับการอยากให้รถยนต์ในท้องถนนเป็นรถไฟฟ้ามากกว่ารถสันดาป แนวทางที่ควรทำนั่นคือ "ส่งเสริมให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีรูปธรรม" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
- ส่วนลดในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ ระดับ 20-30% ให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละคลาสของรถ มีราคาเทียบเท่า หรือถูกกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปในคลาสเดียวกัน โดยมีเป้าหมายหลักเป็นเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม เน้นพัฒนาเมืองให้มีมลพิษจากไอเสียลดลง มิใช่มองเป้าเพื่อเชิงพาณิชย์ แต่ต้องมองเรื่องของ "คุณภาพชีวิตประชาชน"
- อัตราภาษีประจำปีที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาป
- ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาป
- สิทธิพิเศษในการใช้ช่องทาง อาทิเช่นค่าทางด่วนที่ถูกกว่า เป็นต้น (ยกตัวอย่าง)
ถ้าภาครัฐออกส่วนลดสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่จริง สิ่งที่เราจะได้เห็นจนเป็นชินตาต่อไปนั่นคือรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เต็มท้องถนนเลยทีเดียว
แต่ถ้าเปิดโปรมาเร้าขนาดนี้ ปัญหาต่อไปที่ต้องเจอแน่ๆ คือ...แบรนด์จะส่งมอบรถทันไหม อันนี้น่าคิด เพราะขนาดแบรนด์ยักษ์อย่าง Tesla ในการจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เค้ามีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศ และมีกำลังการผลิตต่อวันที่สูง ยังต้องรอการส่งมอบรถยาวนานข้ามปีในบางโมเดลเลยทีเดียว เนื่องจากมีความต้องการสูงมาก
สุดท้ายนี้แล้ว รถยนต์ไฟฟ้า "มาแทน" รถยนต์เครื่องสันดาปอย่างแน่นอน ภายในระยะเวลา 10 ปีนี้ เราเชื่อว่าสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าบนถนนของประเทศน่าจะมีถึง 50% อย่างแน่นอน "ถ้าสิ่งแวดล้อม และภาครัฐเอื้ออำนวย"
แต่ถ้าท่านมีความจำเป็นต้องซื้อรถยนต์มาใช้ในระยะไม่เกิน 1-3 ปีนับจากนี้ อย่างน้อยๆ มองเป็นรถ Hybrid ไปเลย รับรองจะติดใจ เพราะเจ้ารถยนต์แบบ Hybrid สมัยนี้ มักจะมีโหมดขับขี่แบบใช้ไฟฟ้าล้วนด้วย นับว่าเป็นการให้คุณได้ลองชิมลางการขับขี่สไตล์รถยนต์ไฟฟ้าว่ามีดีอย่างไร แม้จะไม่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ก็ตาม แต่รับรองว่าคุณจะติดใจในเรื่องของความเงียบ และความประหยัดพลังงานของมันอย่างแน่นอนครับ
บทความนี้ เป็นการวิเคราะห์โดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใน : รวมรถยนต์ไฟฟ้า 2022 ที่มีขายในไทย
Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็กวันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น