Eco car vs NETA V ถ้าต้องเลือก คันไหนดี? Share this

Eco car vs NETA V ถ้าต้องเลือก คันไหนดี?

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 01 September 2565

ถ้าจะเลือกซื้อรถยนต์สัก 1 คันในยุคนี้ นอกจากมองเรื่องของรูปลักษณ์และงบประมาณแล้ว ยังต้องมองไปถึงประเภทของพลังงานที่เราต้องการใช้งานด้วย โดยในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันว่าในงบประมาณ 600,000 บาท ถ้าจะเลือกระหว่าง NETA V กับรถยนต์อีโคคาร์ จะเอาคันไหนดี?


NETA V หรือ Eco car

การเปิดตัวพร้อมราคาของ NETA V รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Crossover ด้วยราคาจำหน่ายที่ 549,000 บาท สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่เป็นอย่างมาก ด้วยความที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงสุดๆ ประกอบกับราคาจำหน่ายของ NETA V ที่เปิดออกมาเทียบเท่ากับรถยนต์สันดาปกลุ่ม Eco car เต็มๆ หากเราต้องเลือกซื้อรถยนต์พิกัดนี้สัก 1 คัน จะเลือกคันไหนให้เหมาะกับเราที่สุด บทความนี้ช่วยตัดสินใจได้แน่นอนครับ

 

 

รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นพาหนะทางเลือกใหม่สำหรับคนไทยในอนาคต จากแต่เดิมที่เวลาถึงคราวราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกินลิตรละ 30 บาท ผู้คนส่วนใหญ่จะหันไปนำรถยนต์สันดาปของตนไปติดตั้งระบบแก๊ส เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง

ทว่า จากเหตุการราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันนี้ มันเกิดขึ้นในยุคของการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก ซึ่งกระแสนี้ก็ได้พัดพามาที่ประเทศไทยด้วย กลับกลายเป็นว่าจากเดิมที่คนจะนำรถยนต์สันดาปของตนไปติดตั้งระบบแก๊สนั้น มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงยอดสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติกาลจนต้องรอส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ากันข้ามปี

 

 

รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มเข้ามาในประเทศไทยมาได้มากกว่า 5 ปีแล้ว โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปในพิกัดเดียวกันอยู่ราวๆ 200,000 - 400,000 บาทด้วยกัน ส่งผลให้มันยังไม่ได้รับความนิยมเท่าปัจจุบัน

ทว่าในช่วงปี พ.ศ. 2565 นี้ ทางรัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการอุดหนุนเงินจำนวน 150,000 บาท/คัน ประกอบกับมาตรการส่วนลดทางภาษีต่างๆ ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะได้รับการลดราคาลงถึงคันละมากกว่า 200,000 บาท ส่งผลให้ราคาค่าตัวรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์สันดาป มิหน่ำซ้ำบางรุ่นกลับกลายเป็นว่ามีราคาถูกกว่ารถยนต์สันดาปในพิกัดเดียวกันด้วย อาทิเช่น BMW iX3 ที่มีราคาถูกกว่า X3 ทุกรุ่นในตระกูล

 

 

NETA V รถยนต์ไฟฟ้า

NETA V เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากค่าย Hozon Auto ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดดเด่นด้วยขนาดของตัวรถที่เทียบเท่ากับรถยนต์ B-Segment ที่คนไทยนิยมใช้งานกัน เนื่องจากมีราคาเข้าถึงง่าย ใช้งานได้อเนกประสงค์ และประหยัดพลังงาน โดย NETA V มีการเปิดราคาวางจำหน่ายมาที่ 549,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์ Eco car เลยทีเดียว

 

ข้อดีของ NETA V นั่นคือ เป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน มีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ถูกมากๆ ไม่ถึง 1 บาทต่อกิโลเมตร ด้านการดูแลรักษาทำด้วยตัวเองได้ง่าย เพียงแค่ตรวจสอบน้ำยาฉีดกระจกเท่านั้น ส่วนออปชั่นด้านความปลอดภัยก็ใส่มาครบ และยังมาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วด้วย นอกจากนี้ด้านความอเนกประสงค์ก็ยังตอบโจทย์ด้วยการที่สามารถพับเบาะนั่งด้านหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่สำภาระได้ และที่สำคัญที่สุดเราสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าออกสู่ภายนอกได้ด้วยโหมด V2L ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ NETA V เลย


ส่วนข้อด้อย ของ NETA V ได้แก่เรื่องของระยะเดินทางจำกัดต่อ 1 การชาร์จ ในการใช้งานจริงจะสามารถขับขี่ได้ราวๆ 300 กิโลเมตร ก็ควรชาร์จแล้ว อีกทั้งหากคุณเป็นคนที่ต้องขับรถเดินทางไกล และต้องทำเวลา จำเป็นต้องเผื่อเวลาสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เพราะจะใช้เวลาการชาร์จราว 30 นาที จึงจะเพียงพอต่อการขับขี่ต่อราวๆ 200 กิโลเมตร หรือถ้าเน้นใช้งานในเมือง ก็ควรมีที่ชาร์จในที่พักอาศัยของตนเอง อีกทั้งควรหมั่นเรียนรู้เทคโนโลยี เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าทุกวันนี้จัดอยู่ในประเภทอุปกรณ์ IOT รูปแบบหนึ่งไปแล้ว นอกจากนี้ด้วยความที่มันใหม่มากๆ หากมีปัญหาต้องเข้าศูนย์เท่านั้น หรือกรรีไม่คาดฝันอย่างแบตเตอรี่หมดกลางทาง จำเป็นต้องขึ้นรถสไลด์อย่างเดียว เพราะรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ไม่สามารถลากได้

 

ภาพประกอบ Toyota Yaris เป็นรุ่นท็อป ซึ่งไม่ใช่รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบโดยตรง

 

Eco Car รถยนต์สันดาป

รถยนต์สันดาปกลุ่มอีโคคาร์ กลุ่มราคาไม่เกิน 600,000 บาทนั้น หากเปรียบเทียบตรงตัวกับ NETA V คงหนีไม่พ้น Toyota Yaris รุ่น Entry ที่มีขนาดตัวรถใกล้เคียงกันมากๆ มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกัน อีกทั้งวางราคาจำหน่ายเท่ากันด้วยที่ 549,000 บาท

ข้อดี Toyota Yaris เป็นรถยนต์ที่ใช้งานง่าย มีศูนย์บริการคลอบคลุมทั้งประเทศ ค้นหาได้ง่าย ช่างส่วนใหญ่ซ่อมได้ เพราะรถยนต์สันดาปอยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งเครื่องยนต์ของ Toyota Yaris รุ่นปัจจุบัน มีการใช้งานมาอย่างยาวนานแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการซ่อมแซมเลย อีกทั้งรถยนต์น้ำมันสามารถเติมพลังงานได้เร็ว และเดินทางไปได้ทุกที่ ด้วยระยะทางขับขี่ต่อ 1 ถังน้ำมัน ไกลมากกว่า 600 กิโลเมตรเลยทีเดียว


ส่วนข้อด้อยของรถยนต์สันดาป นั่นคือมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงมาก สมมุติว่าค่าน้ำมันเบนซินอยู่ที่ลิตรละ 40 บาท ต่อให้ขับรถยนต์แบบใช้คันเร่งนวลๆ ได้อัตราสิ้นเปลืองตามค่า Eco sticker ก็ยังมีต้นทุนในการเดินทางอยู่ที่ราว 1.7 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับค่าบำรุงรักษาตามระยะที่สูงกว่าโดยเฉพาะในช่วงรอบของการเช็คระยะที่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ รวมถึงของเหลวอื่นนอกจากน้ำมันเครื่องด้วย มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า 3,000 บาท/ครั้งเลยทีเดียว

 

ภาพประกอบ Toyota Yaris เป็นรุ่นท็อป ซึ่งไม่ใช่รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบโดยตรง

 

เปรียบเทียบ NETA V vs Toyota Yaris

  NETA V Toyota Yaris
ประเภทพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมันเบนซิน (รองรับ E20)
ขุมพลัง มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 70 kW เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 1,200 cc
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า ล้อหน้า
พละกำลัง 95 แรงม้า 92 แรงม้า
แรงบิด 150 นิวตันเมตร 109 นิวตันเมตร
ความจุพลังงาน แบตเตอรี่ 38.54 kWh น้ำมันเบนซิน 42 ลิตร
ระยะทางขับขี่* 384 กม. 978 กม.
ขนาดตัวรถ (ก x ย x ส) 4,070 x 1,690 x 1,540 4,140 x 1,730 x 1,475
ราคา 549,000 549,000

*ระยะทางขับขี่ของ NETA V อ้างอิงจากมาตรฐาน NEDC และ Toyota Yaris อ้างอิงจาก Eco Sticker

 

 

ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า vs รถสันดาป

ในส่วนของค่าบำรุงรักษานี้ เรานำเอาตัวอย่างจากรถยนต์ไฟฟ้า NETA V มาเปรียบเทียบกับรถยนต์ Eco Car อย่าง Toyota Yaris รุ่น Entry ปี 2021 ครับ

ค่าเซอร์วิส NETA V

NETA V ต้องจ่ายค่าเซอร์วิสราว 19,796 บาท / 100,000 กิโลเมตร โดยค่าเซอร์วิสส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ขับเคลื่อน

 

ค่าเซอร์วิส Yaris 2021

 

Toyota Yaris ต้องจ่ายค่าเซอร์วิสราว 24,291 บาท ต่อระยะทาง 100,000 กิโลเมตร ซึ่งค่าเซอร์วิสหลักๆ ของรถยนต์สันดาป ล้วนแล้วแต่เป็นค่าน้ำมันเครื่องทั้งสิ้น โดยเฉพาะรอบเช็คระยะใหญ่ 100,000 กิโลเมตร ต้องมีการเปลี่ยนหัวเทียน ทำให้ค่าเซอร์วิสค่อนข้างสูงเกินครึ่งหมื่นในครั้งเดียว

 


NETA V รถยนต์ไฟฟ้า เหมาะกับใคร

NETA V รถยนต์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับคนที่มีระยะทางเดินทางไม่เกิน 300 กิโลเมตรต่อวัน เป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เน้นขับขี่ในเมือง หรือเส้นทางขับขี่ประจำเป็นหลัก รถยนต์ไฟฟ้าถือว่าตอบโจทย์มากกว่าการใช้งานรถยนต์สันดาปเป็นอย่างมาก และจะยิ่งเหมาะไปมากกว่านั้นถ้าคุณมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัยด้วย เพราะคุณจะได้ค่าพลังงานไฟฟ้าที่ถูกมากๆ เพียงหน่วยละ 3.1 บาท เท่านั้น โดยคุณจะมีต้นทุนค่าพลังงานสำหรับการเดินทางเพียง 40 สตางค์/กิโลเมตร เท่านั้น


Eco Car รถน้ำมัน เหมาะกับใคร

รถยนต์สันดาป เหมาะสำหรับคนที่เดินทางไกลมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อวันเป็นประจำ จำเป็นต้องเดินทางทำเวลา ไม่อยากจอดแวะบ่อยๆ กลุ่มนี้ยังมีความเหมาะสมกับการใช้งานรถยนต์สันดาปมากกว่าอยู่ เพราะรถยนต์สันดาปสามารถเติมพลังงานกลับเข้าไปได้ไวนั่นเอง อีกทั้งสถานีบริการน้ำมันยังหาได้ง่ายกว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างมากครับ

 

ภาพประกอบ Toyota Yaris เป็นรุ่นท็อป ซึ่งไม่ใช่รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบโดยตรง

 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn 

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ