เทคนิคการขับขึ้นลงเขาอย่างไรให้ปลอดภัย ทั้งการขับด้วยรถยนต์แบบเกียร์ออโต้ และรถยนต์แบบเกียร์ธรรมดาหรือกระปุก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง... ไปชมกันค่ะ
เทคนิคขับรถขึ้น-ลงเขา ด้วยเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา
ลมหนาวมาแล้วทุกคนนน... บรรยากาศแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงอากาศบริสุทธิ์บนม่อนเมืองเหนือเป็นแน่แต้กะเจ้า สาวก Camping ในปีนี้ต้องเตรียมตัวให้ดีเพราะกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งมาว่า ปี 2024 นี้จะเป็นปีที่หนาวเป็นพิเศษ และที่สำคัญอย่าลืมเช็คความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางกันด้วยนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสขับรถไปเที่ยวเขากับเค้ามาก่อนเลย ต้องฟังทางนี้ค่ะเพราะว่ามันไม่หมูอย่างที่คิด หากไม่ระมัดระวังการใช้เกียร์อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ จนอาจเกิดเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงได้ วันนี้เลดี้มี เทคนิคการขับรถขึ้น-ลงเขา ทั้งแบบเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา มาฝากกันค่ะ
ขับขึ้นลงเขาอย่างไรให้ปลอดภัย
- ควบคุมคันเร่ง ควรใช้คันเร่งแบบพอดีและสม่ำเสมอ ไม่กดคันเร่งเบาหรือแรงเกินไปเพื่อให้รถมีกำลังขึ้นเขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางที่มีความชันต่อเนื่อง ควรเร่งคันเร่งให้ไม่ขาดช่วง เพราะหากเร่งๆ หยุดๆ จะทำให้รถเสียกำลังและอาจไหลลงมาได
- ควมคุมเบรก ก่อนอื่นเลยเราต้องเช็คความพร้อมของระบบเบรกก่อนออกเดินทาง ว่าอยู่ในสภาพปกติหรือไม่ ซึ่งการขับขึ้นเขาว่าสำคัญแล้ว ขับลงเขาสำคัญยิ่งกว่า ไม่ควรเหยียบเบรกแบบแช่ยาวเพราะอาจทำให้เบรกไหม้ได้ วิธีที่ถูกต้องก็คือ ควรแตะเบรกเป็นระยะๆ ในจังหวะที่จำเป็นเท่านั้น และควรเผื่อระยะเบรกเพิ่มขึ้นในขาลง เพราะความลาดชันบวกกับน้ำหนักของตัวรถอาจทำให้รถเบรกได้ช้า หากเกิดเหตุการณ์ต้องเบรกกระทันหันจะได้เบรกได้ทัน
- ใช้เกียร์ให้เหมาะสม การขับรถขึ้นเขาควรใช้เกียร์ต่ำ เพราะรถต้องการแรงบิดที่มากกว่าปกติในขาขึ้น ส่วนขาลงก็ต้องการแรงฉุดเช่นเดียวกัน ที่สำคัญคือห้ามปล่อยรถไหลลงเขาโดยใช้เกียร์ N หรือเกียร์ว่างโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อไม่มีแรงฉุดจากเครื่องยนต์จะทำให้เราต้องแตะเบรกอยู่ตลอดเวลาในการความคุมความเร็วรถ ทำให้เสี่ยงต่อเบรกไหม้และเกิดอุบัติเหตุในที่สุด
เทคนิคขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์ธรรมดา
ขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุกนั้น ผู้ขับขี่จะต้องควบคุมทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่การเข้าเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ หรือการถอนเท้าออกจากคลัตช์ โดยจะต้องมีความเหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ในตอนนั้นด้วย ดังนั้นสำหรับการขับรถขึ้นเขาที่เป็นทางชัน จะต้องใช้เกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 เท่านั้น และหากรู้สึกว่ารถเริ่มแรงตก ให้ลดเกียร์ลงมา เช่น ขับมาเกียร์ 2 แล้วเจอทางชันมากกว่าเดิมก็ให้ลดมาที่เกียร์ 1 รถจะมีกำลังมากขึ้น
ในส่วนของมือใหม่ที่ไม่เคยขับรถขึ้นเขาหรือลงเขามาก่อนเลย อาจคาดเดาอาการของรถจากความหน่วงที่เพิ่มมากขึ้น หรือความลาดชันที่พบเจอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอทางชันมากๆ รถวิ่งได้ช้าลงกว่าเดิมจากความเร็วที่คงที่ ควรเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำ เพราะถ้าฝืนใช้เกียร์เดิมต่อไป หรือเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงกว่าเดิมก็จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังมากพอในการพารถขึ้นเขาได้ เสี่ยงทำให้รถดับกลางทางและเกิดอุบัติเหตุได้ อีกทั้งหากยังฝืนใช้เกียร์สูงในการขับรถขึ้นเขาหรือทางชัน จะส่งผลให้ระบบเกียร์สึกหรอและพังเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
เทคนิคขับรถลงเขาด้วยเกียร์ธรรมดา
การขับลงเขาก็เช่นเดียวกัน ควรใช้เกียร์ต่ำอย่างเกียร์ 1 และเกียร์ 2 แบบเดียวกับตอนขับขึ้นเขาเลย เพียงแค่ใช้เกียร์ให้เหมาะกับความเร็วในการลง หากทางชันมากให้ใช้เกียร์ 1และคอยแตะเบรกสลับการปล่อยเบรก เพื่อรักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ไม่ให้รอบเครื่องสูงเกินไป หากลงเขาแบบยาวๆ ไม่ชันมาก ให้ใช้เกียร์ 2 หรือเกียร์ 3 ได้ และสามารถใช้ความเร็วได้ในระดับนึง แต่ต้องพิจารณาโดยคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยระวังไม่ให้รถไหลลงเขาเร็วเกินไปเพราะหากเกิดเหตุกระทันหันทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ทัน
เทคนิคขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์ออโต้
การใช้เกียร์ออโต้มีข้อดีคือ เป็นรถที่ถูกออกแบบมาให้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งจะมีเกียร์ไว้ใช้สำหรับขึ้นทางลาดชัน ดังต่อไปนี้
- เกียร์ D3 เกียร์นี้จะจำกัดรอบวิ่งของเราให้อยู่แค่เกียร์ 1-3 (เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดา) เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์เปลี่ยนกลับไปกลับมาบ่อยๆ ระหว่างเกียร์ 3 และเกียร์ 4 ทำให้รถมีรอบวิ่งต่ำลงแต่แรงม้าเท่าเดิม หากเราใช้เกียร์สูง รอบวิ่งจะสูงขึ้นแต่แรงม้าจะต่ำลง ดังนั้นการใช้เกียร์ D3 จึงเหมาะกับการขับรถขึ้น-ลงเนินเขา
- เกียร์ D2 หรือ 2 เกียร์นี้จะทำให้รถยนต์วิ่งอยู่ที่เกียร์ D2 เท่านั้นตั้งแต่ออกตัวเพื่อลดอาการล้อบิด หรือ ออกตัวด้วยความเร็ว ทำให้ไม่เกิดการล้อฟรีเหมาะกับการวิ่งบนพื้นผิวที่ลื่น และเสี่ยงต่อการล้อฟรี เช่น หล่มโคลน
- เกียร์ D1 หรือ L เกียร์นี้จะวิ่งด้วยเกียร์ 1 เท่านั้น เหมาะสำหรับจังหวะที่ต้องใช้ความเร็วต่ำมาก และต้องใช้เบรกบ่อย เช่น การลงจากเนินเขาที่มีความชันมากๆ หรือการไต่เนินเขาสูงๆ
- เกียร์ S สำหรับรถยนต์บางรุ่นจะมีเกียร์ S หรือ เกียร์ Sport มาด้วย ซึ่งจะเป็นการสั่งงานให้ระบบเกียร์และคันเร่งตอบสนองไวขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการสั่งงานให้ระบบเกียร์ทำการเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นกว่าปกติ เป็นการลากรอบเครื่องยนต์สูงๆ ไว้เพื่อให้มีกำลังแรงม้าและแรงบิด เตรียมพร้อมสำหรับการเร่งทะยานไปต่อ ซึ่งในรถยนต์บางรุ่นนั้นก็ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้เกียร์ S ขึ้นเขา แทนเกียร์ต่ำอย่าง D2 หรือ L โดยเมื่อผู้ขับขี่ใช้เกียร์ S ขึ้นเขาหรือลงเขาที่มีทางชันมากๆ ระบบเกียร์จะปรับตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสม เพื่อให้เครื่องยนต์มีสถานะพร้อมเร่งขึ้นเนินไปต่อ และเมื่อลงเนินก็จะปรับเกียร์ลงอย่างเหมาะสม เพื่อฉุดตัวรถและชะลอความเร็วลงได้เป็นอย่างดี
- เกียร์ M หรือ Manual รถยนต์เกียร์ออโต้บางรุ่นก็จะมีเกียร์ M มากับรถด้วย ผู้ขับขี่สามารถปรับตำแหน่งเกียร์ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องทำการเหยียบคลัตช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งในขณะขับรถขึ้นเขา หรือขับรถลงเขาก็สามารถปรับตำแหน่งเกียร์ได้ตามความเหมาะสม หลักการเดียวกันกับรถเกียร์ธรรมดา หากขับรถขึ้นหรือลงทางชันมากๆ ก็ให้ใช้เกียร์ต่ำอย่างเกียร์ M1 และ M2
- เกียร์ B อีกเกียร์ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับผู้ขับขี่บางท่านที่ใช้รถยนต์เกียร์ออโต้ที่มีเกียร์ B อาจจะสงสัยว่า เกียร์ B ใช้ตอนไหนถึงจะเหมาะ? เกียร์ที่ว่านี่คือเกียร์ Brake ซึ่งในความหมายก็คือเอาไว้ใช้เบรก หรือเพื่อลดความเร็วรถลงนั่นเอง ทำหน้าที่เหมือนกับเกียร์ D1 หรือเกียร์ L เลย แต่จะเหมาะกับการใช้ตอนขับลงเขามากกว่าขับขึ้น
เทคนิคขับรถลงเขาด้วยเกียร์ออโต้
การขับรถลงเขาด้วยเกียร์ออโต้นั้น สามารถใช้หลักการเดียวกับการขับรถลงเขาด้วยเกียร์ธรรมดาเลย คือ ห้ามใช้เกียร์ N หรือเกียร์ว่าง เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีกำลังฉุดจากเครื่องยนต์ เสี่ยงต่อการเสียการควบคุมรถและเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งวิธีการขับรถลงเขาด้วยเกียร์ออโต้ที่ถูกต้องคือ ใช้เกียร์ต่ำอย่าง D1 หรือ D2 หรือ เกียร์อื่นๆ ที่มีติดมากับตัวรถ และมีความเหมาะสมตามความลาดชันของพื้นถนน เพื่อช่วยให้รถมีความเสถียรในการลงเขา โดยมีแรงฉุดหน่วงๆ ทำให้ขับรถลงเขาได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญก็คืออย่าลืมเหยียบเบรกสลับปล่อยเป็นระยะตามความเหมาะสม เพื่อคอยควบคุมไม่ให้รอบเครื่องยนต์ขึ้นสูงเกินไป รวมทั้งไม่เหยียบคันเร่งยาวๆ เมื่อลงเนิน
อย่างไรก็ตามหากใช้เกียร์ต่ำไม่ถูก เครื่องยนต์อาจจะทำงานด้วยรอบสูงเกินไป ซึ่งนอกจากจะทำร้ายสภาพเครื่องยนต์แล้วหากโชคร้ายอาจจะทำให้เครื่องดับเกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญต้องย้ำอีกครั้งว่า ห้ามใช้เกียร์ว่างในขณะลงเนินชันหรือลงเขาโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น