เทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนากันอย่างรวดเร็วในทุกวัน จากในปี 2023 เราคุ้นชินกับรถที่รับการชาร์จไฟระดับ 80 kW ถือว่าเร็วแล้ว วันนี้มาตรฐานใหม่ได้เกิดขึ้นกับรถราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน แต่รับไฟได้ทะลุ 200 kW ไปแล้ว ซึ่งมันเกิดจากสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V แล้วมันคืออะไร?
แบตเตอรี่ EV
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV คือหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าเหนือสิ่งอื่นใด เพราะเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานหลักของตัวรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับใช้ทั้งระบบขับเคลื่อน, ระบบปรับอากาศ รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ มิหน่ำซ้ำ ยังเป็นตัวที่ชี้วัดว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ จะวิ่งได้ไกลแค่ไหน ชาร์จได้เร็วแค่ไหนอีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของรถยนต์ด้วย
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักไปที่การทำให้แบตเตอรี่มีน้ำหนักเบาขึ้น จุไฟฟ้าได้มากขึ้น มีขนาดเล็กลง ชาร์จได้ไวขึ้น และที่สำคัญคือต้องทำให้มีต้นทุนการผลิตถูกลง อันส่งผลทำให้ราคาแบตเตอรี่ลดลงด้วย ซึ่งทำให้ราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ที่นิยมใช้งานกัน จะเป็นสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าระดับ 400 โวลต์ (400V.) ซึ่งใช้งานอย่างแพร่หลายในรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 90% ของโลก ณ ปัจจุบันยังใช้สถาปัตยกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็น Tesla, BMW, Mercedes-Benz, BYD รวมไปถึงแบรนด์จีนอีกหลากหลายแบรนด์
แบตเตอรี่ 400V คือ
แบตเตอรี่ 400V คือ แบตเตอรี่ที่มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ระดับไม่เกิน 400 โวลต์ ซึ่งเป็นแรงดันมาตรฐานทั่วไปที่เรามักจะพบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ โดยระดับแรงดันไฟฟ้าจะแปรผันไปตามกระแสไฟฟ้าคงเหลือในแบตเตอรี่ โดยช่วงแรงดันไฟฟ้าจะอยู่ระหว่าง 300 - 420 โวลต์ ส่วนความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าจะแปรผันไปตามสเปคของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนั้นๆ ซึ่งมีตั้งแต่ 50 แอมป์ (A) ไปจนถึงระดับ 600 แอมป์เลยทีเดียว
โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สถาปัตยกรรมนี้ อาทิเช่น NETA V, X, Tesla Model 3,Y, BYD ATTO 3, Dolphin, DEEPAL S07, BMW iX3, Mercedes-Benz EQB, Volvo เป็นต้น
แบตเตอรี่ 800V
แบตเตอรี่ 800V คือ แบตเตอรี่ที่มีมาตรฐานแรงดันไฟฟ้าระดับ 500 - 800 โวลต์ ซึ่งเป็นแรงดันไฟฟ้ามาตรฐานที่สูงกว่า 400V แบบดั่งเดิม โดยระดับแรงดันไฟฟ้าจะแปรผันไปตามกระแสไฟฟ้าที่คงเหลือในแบตเตอรี่ ซึ่งรถแต่ละรุ่นจะมีมาตรฐานแรงดันไฟฟ้าไม่เหมือนกัน อาทิเช่น XPENG G6 จะอยู่ช่วงช่วง 5xx - 6xx โวลต์ ส่วน Tesla Cybertruck, Porsche Taycan จะอยู่ช่วง 7xx - 800 โวลต์ เป็นต้น และยังมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้สถาปัตยกรรม 800V อีกหลากหลายแบรนด์ อาทิเช่น Hyundai IONIQ, Lotus, ZEEKR บางรุ่น เป็นต้น
ส่วนความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าก็แปรผันไปตามสเปคของตัวแบตเตอรี่ โดยทั่วไปมักจะรับกระแสไฟฟ้าได้ราวๆ 400-600 แอมป์ (A)
V A W คืออะไร?
V (Volt) A (Amp) W (Watt) คือคำศัพท์ที่ใช้ในทางไฟฟ้า มีความหมายเป็นของตัวเอง โดยสามารถอธิบายแบบง่ายๆ เทียบกับของใกล้ตัวได้ดังนี้
| หน่วยวัดการใช้ไฟฟ้า (W : Watt) | เป็นหน่วยวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า เปรียบเสมือนน้ำมัน |
| ความจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ (kWh) | เปรียบเสมือนปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในถังน้ำมัน ที่ใช้หน่วยเป็น ลิตร |
| แรงดันไฟฟ้า (V : Volt) | เปรียบเสมือนแรงดันของน้ำว่ามากน้อยแค่ไหน อาทิเช่น แรงดัน 355V ก็จะส่งมาน้อยกว่า 800V เป็นต้น เป็นการวัดความสามารถในการรับพลังงานไฟฟ้าของแบตเตอรี่ |
| กระแสไฟฟ้า (A : Amp) | เปรียบเสมือนกระแสน้ำ |
| รองรับการชาร์จ AC 6.6 kW | ท่อน้ำขนาดเล็ก แรงดันต่ำ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้อย ส่งน้ำมาน้อย |
| รองรับการชาร์จ DC 150 kW | ท่อน้ำขนาดใหญ่ แรงดันสูง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านมาก ส่งน้ำมาเยอะ |
แบตเตอรี่ 800V ดีอย่างไร?
แบตเตอรี่ที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง มีข้อดีมากมายนานับประการที่เหนือกว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า โดยมันสามารถรับกำลังไฟฟ้าได้สูงกว่า โดยใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า ส่งผลทำให้ความร้อนน้อยกว่า
ยกตัวอย่างแบบง่ายที่สุด กรณีที่เรานำรถยนต์ไฟฟ้าไปชาร์จที่ตู้ชาร์จ DC ซึ่งมีการจำกัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 200A และสามารถส่งแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุด 1000V
หากเรานำรถยนต์ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 400V ไปชาร์จที่ตู้ชาร์จประเภทนี้ เราจะได้กำลังไฟสูงสุดเพียง 80kW เท่านั้น เป็นสาเหตุมาจากแบตเตอรี่ รับแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุดแค่ 400V โดยตู้จ่ายกระแสไฟฟ้ามาเต็มที่ 200A
400V x 200A = 80kW
หากเราใช้รถประเภทนี้ชาร์จไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เราจะได้ปริมาณไฟฟ้ามา 80 kWh หรือ 80 หน่วยไฟฟ้า
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V ไปชาร์จที่ตู้ชาร์จเดียวกัน จะได้กำลังไฟสูงสุดถึง 160kW เป็นสาเหตุมาจากแบตเตอรี่ รับแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 800V โดยตู้จ่ายกระแสไฟฟ้ามาเต็มที่ 200A
800V x 200A = 160kW
หากเราใช้รถประเภทนี้ชาร์จไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เราจะได้ปริมาณไฟฟ้ามา 160 kWh หรือ 160 หน่วยไฟฟ้า ซึ่งถ้าเป็นรถยนต์ที่มีขนาดแบตเตอรี่ 80kWh ก็จะใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีเท่านั้น
และถ้าในกรณีที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุดราว 600V ก็จะได้รับกำลังไฟสูงสุด 120 kW หากเราใช้รถประเภทนี้ชาร์จไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เราจะได้ปริมาณไฟฟ้ามา 120 kWh หรือ 120 หน่วยไฟฟ้า ซึ่งถ้าเป็นรถยนต์ที่มีขนาดแบตเตอรี่ 80kWh ก็จะใช้เวลาชาร์จที่ 45 นาที
อนาคต รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้ 800V
รถยนต์ไฟฟ้าในยุคถัดไป เชื่อได้ว่าจะเริ่มใช้งานสถาปัตยกรรมแบบ 800V กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เพราะมีข้อดีที่เหนือกว่าแบบ 400V ยุคเดิมนานับประการ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการชาร์จไฟที่ใช้เวลาน้อยกว่ามาก, ความร้อนที่เกิดขึ้นน้อยกว่า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนั้นใช้ไฟฟ้าน้อยลง ส่งผลทำให้วิ่งได้ไกลมากยิ่งขึ้น และชาร์จได้ไวขึ้น ซึ่งนี่จะเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง 400V มีราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ผู้ที่กำลังมองหารถใหม่ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น ในงบประมาณใกล้เคียงกัน
อาทิเช่น ในปี 2566 ที่ผ่านมา หากคุณมีงบประมาณ 1.4 ล้านบาท สำหรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพิกัด C-SUV คุณจะได้ตัวของ DEEPAL S07 แต่ถ้าคุณใช้งบเท่ากันในวันนี้ คุณจะได้ XPENG G6 ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่กว่าอย่างมหาศาล ตามตารางเปรียบเทียบด้านล่างด้าน
เปรียบเทียบ XPENG G6 vs DEEPAL S07
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
LINE
ความคิดเห็น